นี่คือหนังสือพิมพ์ดี(อินเทอเนต) It's The Good Paper. http://www.newworldbelieve.com For All Good For All Thought
.com
HTTP://WWW.NEWWORLDBELIEVE.NET
HTTP://WWW.NEWWORLDBELIEVE.COM
HTTP://WWW FACEBOOK .COM - พยัปป ปัญญาธโร
เกี่ยวกับเวบไซต์ของเรา เราเป็นใคร? ทำอะไรไปทำไม?
และอะไรคือความพอใจของเรา? โปรดคลิกเข้าไปดูครับ
เอาลง 138 ภาษาโลกแล้ว
โปรดคลิกขวามือทั้งหมดนี้ก็เป็นภาษาของท่านแล้ว
อยู่มุมไหนของโลกเลือกภาษาได้เลยแค่กดปุ่ม
Thai-English
พระพุทธศาสนาสู่ยุคใหม่ ตอนที่ 1 ปุถุชน
*****-----*****
พระพุทธศาสนาสำหรับโลกยุคใหม่
ยืนยันวันนี้ หน้าที่ของเราคือ เผยแผ่ธรรมระดับสูงสุดมรรคผลนิพพานเพื่อคนทั้ง 8,000 ล้านชีวิตทั้งโลก บรรลุ อริยบุคคล โสดาบันถึง อรหันต์ พ้นทุกข์นิรันดร ตามภาระอันสูงสุดของพระบรมศาสดาผู้ทรงจากไปแล้วเพื่อพระพุทธศาสนากลับมาครองโลกอีกครั้งหนึ่ง
2567 ปีมาแล้ว นับวันที่องค์พระศาสดาพุทธเจ้าเสด็จจากพวกเราไป
พุทธองค์ทรงสอนคนทั้งหลาย ตั้งแต่วันแรกที่ทรงปล่อยจักรธรรมสูงสุดออกมานั้น เป้าหมายของพระองค์ก็คือ ให้คนบรรลุโสดาบัน เป็นอย่างชั้นต้นชั่นต่ำ แต่แท้จริงทรงให้ข้ามไปบรรลุสูงสุด อรหันต์ทันที ไม่ให้รอช้า ดังที่ 1000 กว่าอรหันต์แรกที่สุดนั้น ได้ประสบความสำเร็จลง เพียงฟังธรรมของพระองค์จบลงไม่กี่นาทีนั้นเอง
พระอรหันต์ทั้งหลาย พระอริยบุคคลทั้งปวง จึงย่อมเข้าใจพระพุทธเจ้า ว่าทรงงานหนักจริง ๆ
ความเข้าใจ ทำให้เกิดความรักศรัทธาที่แท้จริง ซื่อตรงต่อธรรมะต่อพระองค์ ในแบบเป็นหนึ่งเดียวกับดวงจิตวิยฤญาณของพระองค์นั้นเลยทีเดียว
จึงรู้จักพระพุทธเจ้า
และรู้ว่าพระองค์ พระพุทธเจ้ามาสู่โลกนี้เพื่อทำหน้าที่อะไร
จริงๆ พระองค์ต้องการมาทำอะไร รู้หรือไม่ ? และทำอย่างไร ?
เพื่อทำหน้าที่อะไร? อะไรคือหน้าที่ของพระพุทธเจ้า ?
ไม่มีใครตอบได้
จนกาลเวลา ล่วงมาๆ สู่ยุคนี้ พระอรหันต์ก็ได้ค่อยหมดไป ๆ มาจนถึงวันนี้ ดูเหมือนว่าโลกว่างจากพระอรหันต์ไปหมด (.....มีแต่อรหันเก๊ !!!!)
นับจากยุค พระยามิลินท์ หลังพุทธปรินิพพาน 500+ ปี นั้นแหละมีพระอรหันต์องค์สุดท้าย คือ พระนาคเสน ผู้ปราบทิฏฐิพระยามิลินท์ สกัดลัทธิอันตรายใหม่ที่พระยามิลินท์จะตั้งขึ้นข่มพระพุทธศาสนา
จากนั้น พระอรหันต์ก็แทบว่าหมดไป
จนทุกวันนี้ โลกว่างจากพระอรหันต์ จึงทำให้เรื่องง่าย ๆกลายเป็นเรื่องยากแสนยากไปหมด
เพราะหากมีพระอรหันต์ ๆ ก็จะสอนให้คนทั้งหลายรู้ อย่างเดียวกับที่พระพุทธเจ้ารู้ ... เรื่องง่าย ๆ นั่นคือคำว่า "ปุถุชน" นั่นเอง
ไม่มีใครอธิบายได้ว่า ปุถุชน คืออะไร?
ไม่มีใครรู้ว่า ปุถุชน คืออะไร?
นอกจากพระอรหันต์ ในเมื่อนานมาแล้ว ไม่มีใครบนโลกนี้อธิบายหรือให้ความหมายของคำว่าปุถุชน ได้แบบครบถ้วน นั้นแหละมันบอก มันแปลว่าโลกไม่มีพระอรหันต์
เพราะพระอรหันต์เท่านั้นจะอธิบายได้แล้วบอกได้ว่าพระพุทธเจ้าของเรานั้น แท้จริงทรงมาในโลกนี้เพื่อทำอะไร?
กระนั้น ก็พอรู้จักจากตำรา ว่าปุถุชนนั้นคือ คนในโลกนี้ หมายถึงคนทุกคน คนยากคนจน คนร่ำรวยมั่งมี เศรษฐี มหาเศรษฐี ราชามหากษัตริย์ ทหารใหญ่ พลทหาร แต่ละคนเหล่านี้ เท่ากันหมด คือ เป็น ปุถุชน เท่ากันหมดชื่อว่า ปุถุชน เหมือนกันคำเดียวกัน
ท่านจะต้องเริ่มทำความเข้าใจตั้งแต่เรื่องคำ ปุถุชนนี้เลยทีเดียว
แต่อย่าเข้าใจผิด คำว่า ปุถุชน คำว่า ชน ในคำนี้ ไม่ได้หมายถึงมนุษย์เท่านั้นนะ หากแต่หมายถึงเทวดา ในสวรรค์ชั้นต่างๆแม้พระเจ้าชาวต่างศาสนา
พระพุทธเจ้าก็ทรงบอกว่าเป็น ปุถุชนพอ ๆ กับคนเรานี่เอง
คือ เทวดา = ปุถุเทวดา นั่นเอง
ท่านเข้าใจแล้วยัง ?
โลกนี้+โลกสวรรค์ แม้นรก มีแต่ ปุถุชนทั้งสิ้น
ท่านอาจจะขัดแย้งก็ได้ว่า เทวดา ไม่ใช่ "ปุถุชน" เพราะชื่อก็บอกว่า เทวดา...God...ไม่ใช่ ชน ไม่ใช่ "บุคคล"
แต่นั่นแหละที่คนทั้งหลายหลงทางไป ทางที่ถูกก็คือ ปุถุชนกันทั้งโลกมนุษย์+สวรรค์+นรก
ฉะนั้น จึงเข้าใจผิดไปหมด แม้คิดว่า มหาเศรษฐีคนหนึ่งโกงแสนโกง ก็หาใช่ ปุถุชน อย่างคนทั้งหลายไม่ ก็ยังมีคิดไป
จงมาเข้าใจใหม่ให้ได้
จงมาเข้าใจกันใหม่เสีย วันนี้ เวลานี้ นาทีนี้เลยนะครับ......
ว่าแม้เทวดา พระเจ้าหรือศาสดา ศาสนาอื่นๆ ลัทธิอื่น ๆ ก็ล้วนเป็นปุถุชน หรือ ปุถุเทวดา เหมือนกันทั้งสิ้น
แล้วเพราะเหตุนี้เองที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาสู่โลกนี้ โลกสวรรค์ โลกบาดาล
ทรงเสด็จมาทำไม ?
นี่คือคำถามที่ไม่มีผู้ใดตอบได้อีก(.......เพราะไม่มีพระอรหันต์)
และจะเป็นประเด็นสำคัญ ที่เป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่แด่ "ปุถุชน" ทั้งโลก สรรพโลกเลย
คือปุถุชนทั้งจักรวาล ล้วนแต่จะได้ประโยชน์อันยิ่งใหญ่จากพระพุทธเจ้า
ขอพียงเริ่มจากเข้าใจตนเองก่อนว่า ตนเป็นเพียง ปุถุชน เท่านั้นเอง
โดยเฉพาะคนยุคนี้ด้วยเลยโดยเฉพาะเลยทีเดียว
คำถาม
พระพุทธเจ้ามาโลกนี้ หน้าที่ งานของพระองค์จริงๆคืออะไร?
และทรงจากไปเมื่อทำงานเสร็จหรือไม่ ?
และงานที่ทรงค้างไว้ จะให้ใครมาทำต่อไปล่ะ ? ทำแบบที่พระองค์ทำมา ..
ถ้าคุณว่าคุณเก่ง เป็นพระอรหันต์ก็น่าจะตอบคำถามนี้ได้เลย
และ นั่นแหละ .... ได้คนสำคัญจะเข็นงานพระพุทธเจ้าต่อไปแล้ว ......!!!!!!!!!!!
โปรดรอตอนต่อไป.....
28 พ.ย.2567
@ พระพุทธศาสนาสู่ยุคใหม่ ตอนที่ 1 ปุถุชน
*****-----*****
เอาลง 138 ภาษาโลกแล้ว
โปรดคลิกขวามือทั้งหมดนี้ก็เป็นภาษาของท่านแล้ว
อยู่มุมไหนของโลกเลือกภาษาได้เลยแค่กดปุ่ม
Buddhism to the New Era, Part 1: Ordinary People
Buddhism for the New World
Today, we confirm that our duty is to spread the highest level of Dharma, the path to Nirvana, for all 8 billion lives in the world, to attain the Noble Ones, Sotapanna to Arahant, to escape suffering forever, according to the highest duty of the Supreme Buddha who has passed away so that Buddhism can rule the world once again.
2567 years have passed since the day the Supreme Buddha left us.
The Buddha has taught people since the first day he released the highest wheel of Dharma. His goal was for people to attain Sotapanna, as the lowest level, but in reality, he wanted them to cross over to attain the highest level, Arahant immediately, without delay, as the first 1,000 Arahants achieved, just a few minutes after listening to his Dharma.
All Arahants, all Noble Ones, therefore understand that the Buddha really works hard.
Understanding creates true love and faith, being faithful to the Dharma, and being one with his mind and spirit.
Therefore, I know the Lord Buddha.
And I know that he, the Lord Buddha, came to this world to perform what duties?
What did he really want to do? Do you know? And how?
To perform what duties? What is the duty of the Lord Buddha?
No one can answer that.
Until time passed, to this era, the Arahants gradually disappeared until today. It seems that the world is empty of Arahants (..... there are only fake Arahants!!!!)
Since the era of King Milinda, 500+ years after the Buddha's passing, there was the last Arahant, Phra Naksen, who defeated King Milinda's views, and suppressed the new dangerous sect that King Milinda was going to set up to suppress Buddhism.
After that, the Arahants were almost gone.
Until today, the world is empty of Arahants. Therefore, easy things become extremely difficult.
Because if there are Arahants, they will teach people to know the same thing that the Lord Buddha knew... that easy thing is the word "ordinary person".
No one can explain what a common person is?
No one knows what a commoner is?
Except for Arahants. Since a long time ago, no one in this world could explain or give a complete meaning of the word commoner. That's what it says. It means that the world has no Arahants.
Because only Arahants can explain and tell what our Lord Buddha truly came to this world to do?
However, we know from the scriptures that a commoner is a person in this world, meaning all people, the poor, the rich, the wealthy, the millionaires, the kings, the high-ranking soldiers, the soldiers. Each of these people is the same, that is, they are commoners. They are all called commoners, the same word.
You have to start understanding from the word commoner.
But don't misunderstand. The word commoner, the word people in this word does not only mean humans. It also means angels in various levels of heaven, even gods of other religions.
The Lord Buddha also said that they are commoners, just like humans.
That is, angels = common angels.
Do you understand yet?
This world + heaven, even hell, are all ordinary people.
You may argue that angels are not "ordinary people" because the name says angel...God...not people, not "persons".
But that's where people go astray. The right way is ordinary people in the human world + heaven + hell.
Therefore, they misunderstand everything. Even thinking that a millionaire who cheats a lot is not an ordinary person like other people, they still think that.
Let's understand it again.
Let's understand it again today, at this moment, right now......
That even angels, gods or prophets, other religions, other sects are all ordinary people or ordinary angels.
And for this reason, the Lord Buddha came to this world, the heavenly world, the underworld.
Why did he come?
This is a question that no one can answer anymore (....... because there are no Arahants).
And it will be an important issue that is of great benefit to "ordinary people" in the whole world, all worlds.
That is, ordinary people in the whole universe. All will receive great benefits from the Lord Buddha.
Just start by understanding yourself first that you are just ordinary people.
Especially people of this era.
Question
When the Lord Buddha came to this world, what was his real duty and work?
And did he leave when he finished his work?
And who will continue the work he left? Do it the way he did. ..
If you say you are good, you should be an Arahant and can answer this question.
And that's it .... we have an important person to push the Lord Buddha's work forward ......!!!!!!!!!!!
Please wait for the next episode.....
28 Nov 2024
@ Buddhism to the New Era Part 1 Ordinary People
@ @ พระพุทธศาสนาสู่ยุคใหม่ ตอนที่ 1 ปุถุชน
*****-----*****
เอาลง 138 ภาษาโลกแล้ว
โปรดคลิกขวามือทั้งหมดนี้ก็เป็นภาษาของท่านแล้ว
อยู่มุมไหนของโลกเลือกภาษาได้เลยแค่กดปุ่ม
*****-----*****
พระพุทธศาสนาสู่โลกยุคใหม่ ตอนที่ 2
โลกของปุถุชนกำลังหมุนไปสู่ความวอดวายวินาสน์สลายไปเป็นภัสมธุลีดิน
*****-----*****
พระพุทธเจ้า นั้น ทรงเป็นผู้ที่มองเห็นว่าโลกเรานั้น โลกของปุถุชนนั้น เป็นโลกที่หมุนไปไม่หยุดหย่อน หมุนไปสู่ความค่อยสลาย สู่ความวอดวาย วินาสน์ลงจนที่สุดสู่ความพินาศฉิบหายวอดวายสลายเป็นภัสมธุลีดิน
มันหมุนรอบตัวของมันเอง และพาตัวมันเองเคลื่อนไปไม่หยุดหย่อน และไม่ไปไหน ไปทางเดียวคือทางแห่งความตาย วอดวายวินาสน์ มันหมุนรอบตัวเองและยังแล่นไปไม่อยู่กับที่ และมันพาปุถุชนทั้งโลกไปสู่ความตาย สู่ความวอดวายวินาสน์หมดสิ้น
จงมองจากคำสอนบทแรกเรื่องทุกข์ นั้น โลกปุถุชนมันหมุนวนเป็นวัฏฏะสงสาร ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย เช่นนี้มาไม่รู้กี่รอบอสงไขย์ปี ไม่มีวันจบวันสิ้นลงเลย เป็นทุกข์ ไม่มีอะไรนอกจากทุกข์มีทุกข์เท่านั้นเกิดมามีทุกข์เท่านั้นเป็นไปอยู่ มีทุกข์เท่านั้นดับลงไป
แล้วพอเป็นอยู่ มีชีวิตอยู่ ปุชน ความเป็น ความมีชีวิตนั้นก็เป็นแบบปุถุชน คือมีแต่ทุกข์สุก ๆดิบ ๆ และมีปกติร้อนไปหมด เป็นโลกปุถุชน เป็นคนที่มีแต่ร้อนไปหมด เหมือนมีดวงอาทิตย์หลายดวงอยู่ภายในร่างกายจิตใจของปุถุชนคนทั้งหลาย นั้นไม่มีผิดเลย
พระพุทธเจ้าทรงมองเห็นดั่งนี้ ว่าโลกปุถุชนน่าสมเพช น่าเวทนา น่าสงสาร แบบนี้เอง แบบไม่มีวันเป็นอย่างอื่น เป็นแบบนี้อย่างเดียวเท่านั้นเอง และเป็นไปชั่วนิจนิรันกาลข้างหน้า.....(นี่คือเหตุแห่ง นิพพิทาญาณปัญญาตรัสรู้อรหันต์รวดเร็วยิ่ง)
เพราะปุถุชนทั้งหลายตาบอด มองไม่เห็น อย่างที่พระพุทธเจ้า - พระอรหันต์มองเห็น มองไม่เห็นทางไปทางอื่นมองไม่เห็นมีโลกอื่น ไม่เห็นว่าจะไปไหนได้ นอกจากอยู่กับโลกใบนี้ไปตลอดกาลนิรันดร โลกวินาสน์ลงก็วินาสน์ลงกับโลก โลกวอดวายเป็นธุลีก็วอดวายลงเป็นธุลีกับโลก ....และครั้นมีโลกเกิดมาใหม่....ก็เกิดมาใหม่กับโลกใหม่ แล้วหมุนวนต่อไป ในแบบลักษณะแปรสภาพไปเรื่อยๆ ไม่อยู่กับที่ โดยแปรสภาพไปสู่ความเสื่อมสลาย วอดวาย วินาสน์ไปอีกรอบหนึ่ง จึงเป็นวังวนแห่งความทุกข์ทั้งหลาย ที่นำไปสู่รอบแห่งการเกิดการแก่ การเจ็บและการตาย เกิดมาสู่ความทุกข์ทรมาน ความอาบเหงื่อไคล ดั่งดวงอาทิตย์ อยู่ในตัวตนกายใจเราเองไปชั่วชีวิตนั้นเอง
พระพุทธเจ้า ทรงมองเห็นทุกข์ของปุถุชนเช่นนี้ จึงทรงพระเมตตาเสด็จมาเพื่อเพื่อช่วยโลกปุถุชน ที่พระองค์เองก็เคยอยู่ เพื่อช่วยให้รอด มีชีวิตใหม่
ไปสู่ชีวิตใหม่ ที่พ้นไปจากโลกวัฏฏะสงสาร ไม่กลับมาหมุนวนในวังแห่งทุกข์อีกแล้ว และไม่มีทางอื่นใด นอกจากต้องขนถ่ายปุถุชนคนทั้งโลกนี้ ไปเสียจากโลกนี้ไปสู่โลกอื่น
นั่นแหละเมื่อมีพระอรหันต์รู้แจ้งตามพระองค์ไป
พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายจึงมีหน้าที่อย่างเดียวนี้ คือ
ขนถ่ายปุถุชนคนทั้งหลาย ที่น่าสงสารสมเพช เวทนา บอดใบ้ ทั้งหลาย บนโลก บนจักรวาล แห่ง วัฏฏะสงสาร นี้ ไปเสียจากโลกนี้ ไปเสียจากวิถีทางพินาสน์ ฉิบหาย ความตาย วอดวาย ดับสิ้นสลายลง
ทรงทำภาระของพระองค์ ภาระการขนถ่ายโลกนี้ตลอดพระชนมายุของพระพุทธเจ้ารวม 80 ปี ของพระองค์....หากแต่ปุถุชน ก็ยังเหลืออยู่อีกมากมายมหาศาล
พระอรหันต์สาวกก็ล้วนทำหน้าที่สืบมา ขนถ่ายปุถุชนทั้งหลาย ต่อมา.....อันเป็น หน้าที่ที่ท่านขาดไม่ทำไม่ได้อยู่นั่นเอง
จนบัดนี้โลกสิ้นพระอรหันต์มานานแล้ว
มาบัดนี้โลกมาสู่ยุคใหม่ พร้อมผู้รู้ในหลักธรรมของพระพุทธเจ้า บรรลุอรหันต์ภาวะของพระพุทธเจ้าทรงร่วมจิตวิญญาณอันเดียวกันกับพระพุทธเจ้า
จึงถึงเวลาที่จะขนถ่ายงานของพระพุทธเจ้าสืบต่อไปก่อนโลกาวินาสน์วอดวายลงไปอีกรอบหนึ่ง
คำว่า ”ขนถ่ายปุถุชนทั้งโลกนี้ไปเสียจากโลกนี้” นั่นเอง ที่ซ่อนความหมายเอาไว้อย่างยิ่งใหญ่ให้ความสำคัญแด่ชีวิตปุถุชนคนทั้งหลายที่จะหลุดพ้นไปสู่โลกนิพพานของพระพุทธเจ้า
โดยต้องเข้าใจว่าคำว่า “ขนถ่าย” นั้นเป็นนามธรรม ที่ตรงความหมายของการ บรรลุมรรคผลนิพพาน เท่านั้น
นั่นคือ ปุถุชนเพียงทำตนให้พ้นจากความเป็น ปุถุชน เท่านั้นเอง ก็จะมาสู่ภาวะ การขนถ่ายไปจากโลกวัฏฏะสงสารนี้ไปเองโดยอัตโนมัตแล้ว...
เพียงตรวจสอบตนเองกับ ความเป็น “ปุถุชน” และ “ละอายใจตนเอง” ที่ยังคงเป็นปุถุชนอยู่
แล้วทำการฆ่าความเป็นปุถุชนลงเสียให้ได้โดยเร็ว เท่านั้นเอง
และนั่นคือ การบรรลุ อริยบุคคล เริ่มแต่โสดาบันมรรค ไปถึงสูงสุดให้ได้คือระดับอรหันต-อริยบุคคลเลยทีเดียว
นั้นเอง คือการขนถ่ายปุถุชนไปจากโลกร้ายอันตรายนี้ได้ทุกคนชนในชาติศาสนาต่าง ๆ ทั้งเพศชาย หญิง เด็ก ผู้ใหญ่
ไปสู่โลกนิพพาน ที่พ้นทุกข์นิรันดรไม่หมุนวนมาสู่ภาวะทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายมาหมกมุ่นในทุกข์วัฏฏะสงสารแบบบอดใบ้ทั้งชีวิต อีกเลย นั่นเอง
และมาสู่ยุคกึ่งพุทธกาลแล้วคำว่าโสดาบัน - อรหันต์ นั้น โดยสติปัญญาคนยุควิทยาศาสตร์ น่าเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับปัญญาเสรีชนทั้งหลาย ผู้ทรงปัญญาเสรีชนยุคนี้ที่จะบรรลุได้อย่างง่ายดาย
สำหรับปัญญาชน ผู้ทรงปัญญาชน ผู้ทรงปัญญา แนววิทยาศาสตร์พร้อมเหตุและผล ผู้ทรงปัญญาเสรีชนยุคนี้ที่จะบรรลุได้อย่างง่ายๆ พร้อมกันทั้งโลกเลยทีเดียว
มาขนถ่ายไปจากโลกนี้ ด้วยหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเถิด
จะง่ายกว่าและเป็นไปได้ยิ่งกว่าคนยุควิทยาศาสตร์บอดใบ้ผู้คิดจะขนถ่ายมนุษย์โดยยานอวกาศไปสู่โลกอื่นอยู่ในขณะนี้
เพียงแต่มุ่งสู่การบรรลุโสดาบันอริยบุคลในพระพุทธศาสนานี้เท่านั้นเองก็จะสามารถขนถ่ายตนเองไปพ้นโลกวินาสน์อันตรายนี้ได้เสียแล้ว
คนยุคใหม่ จงมาสู่วิถีทางอริยบุคคลของพระพุทธเจ้าเถิด
เริ่มเลย ณ วันนี้ ที่นี่และเดี๋ยวนี้ นาทีนี้เองเลย
พระอรหันต์ ความเป็นอรหันต์อริยบุคคลนั้นเองจะพาเราทั้งหลายขนถ่ายตนเองออกไปพ้นจากโลกปุถุชน ไปสู่โสดาบันมรรค - อรหัตตผล นิพพาน
คือฆ่าความเป็นปุถุชนเสียวอดสนิทเท่านั้นเองก็บรรลุอรหันต์แห่งยุคนี้ ไม่ยากเย็นอะไรเลย
ก็ขนถ่ายกันไปได้พร้อมกันทั้งโลก พร้อมกันทุกคนทุกชนชั้น ทุกเพศทุกวัยทุกชาติศาสนาทุกแหล่งแห่งหนทั้งโลกนี้-โลกสวรรค์ทั้งสากลจักรวาล
มาเถอะ
มาสู่โสดาบันมรรค-อรหัตตผล ณ ที่นี่ วันนี้เดี๋ยวนี้เลย
โปรดรอตอนต่อไป ....
· 5 ธ.ค. 2567 07.00 น.
· *****-----*****
Buddhism to the Modern World, Part 2
The world of ordinary people is spinning towards destruction and destruction, dissolving into dust.
The Lord Buddha is the one who saw that our world, the world of ordinary people, is a world that spins without ceasing, spinning towards gradual disintegration, towards destruction, and ultimately towards destruction, destruction, and disintegration into dust.
It spins around its own body and moves itself without ceasing and does not go anywhere. It goes in the only direction, which is the path of death, destruction, and destruction. It spins around itself and still moves without stopping, and it leads all ordinary people in the world to death, to destruction and destruction.
Look at the first teaching on suffering. The world of ordinary people spins in a cycle of rebirth, dying and being born, being born and dying, like this for countless cycles and countless years. It never ends. It is suffering. There is nothing but suffering. There is only suffering. There is only suffering. There is only suffering. There is only suffering. There is only suffering. There is only suffering. There is only suffering. There is only suffering. And when living, living, being, being is like ordinary people, that is, there is only suffering, happiness and defilement, and it is normally hot all over. It is an ordinary world, a person who is only hot all over, like there are many suns inside the body and mind of ordinary people. That is not wrong.
The Lord Buddha saw it like this, that the ordinary world is pitiful, pitiful, pitiful like this, like it will never be anything else. It is like this only and it will be like this forever and ever... (This is the cause of the knowledge of Nibbita, the wisdom that quickly enlightens Arahants.)
Because ordinary people are blind, they cannot see as the Lord Buddha - Arahants see, they cannot see any other way, they cannot see that there is another world, they cannot see where to go, except to live in this world forever and ever. When the world collapses, it collapses with the world. When the world collapses to dust, it collapses to dust with the world... and when a new world is born... it is born again with a new world and continues to revolve in a way that changes continuously, not staying still, changing into decay, collapse, and destruction again. Therefore, it is a cycle of suffering that leads to the cycle of birth, aging, illness and death. It is born to suffer, to be soaked in sweat and dirt, like the sun, in our own body and mind for the rest of our lives.
The Buddha saw the suffering of ordinary people like this, so he had compassion and came to help the world of ordinary people that he himself used to live in, to help them survive, to have a new life,
to go to a new life that is free from the world of cycles of existence, not to return to the palace of suffering again, and there is no other way but to transport all the ordinary people in this world, from this world to another world.
That is when there is an Arahant who has realized the truth and followed him.
The Buddha and all Arahants have only this duty, which is to transport all the ordinary people who are pitiful, pitiful, suffering, blind and mute, on this world, in this universe of cycles of existence, from this world, from the path of destruction, destruction, death, destruction, and extinction.
He has done his duty. The burden of transporting this world throughout the Buddha's 80 years of life... but there are still many ordinary people left.
The Arahant disciples have all continued to perform their duties, transporting ordinary people. Later... which is a duty that they cannot neglect.
Until now, the world has lost Arahants for a long time.
Now the world has entered a new era with those who know the principles of the Buddha's teachings, achieving the state of Arahantship of the Buddha, sharing the same spirit as the Buddha.
Therefore, it is time to continue transporting the work of the Buddha before the world is destroyed once again.
The words "transporting all ordinary people from this world" are hidden in a great meaning, giving importance to the lives of all ordinary people who will escape to the world of Nirvana of the Buddha.
It must be understood that the word "transporting" is an abstract meaning that is directly related to the meaning of attaining the path and fruition of Nirvana only.
That is, ordinary people only make themselves free from being ordinary people. Then they will enter the state of Automatically transferring from this cycle of existence...
Just check yourself with the "ordinary person" and "ashamed of yourself" who is still an ordinary person.
And quickly kill the ordinary person. That's all.
And that is the attainment of the Noble One, starting from the Sotapanna Magga, to the highest level, which is the level of Arahant-Ariya person.
That is, the transfer of ordinary people from this dangerous evil world, everyone, of all nations and religions, male, female, child, adult
to the world of Nirvana, free from eternal suffering, not circling to the state of suffering, impermanence, non-self, being born, aging, sickness, death, dying and being born, being born and dying, being obsessed with the cycle of suffering, samsara, being blind and mute all their lives, no more.
And now in the half-Buddhist era, the words Sotapanna - Arahant, by the wisdom of people in the scientific era, should be easy for all free intellectuals, free intellectuals of this era to easily attain.
For intellectuals, intellectuals, intellectuals, scientific approaches with reason and reason. The intelligent and free people of this era who will easily achieve it all at once all over the world.
Let's transport them out of this world with the principles of the Lord Buddha.
It will be easier and more possible than the scientifically blind people who are thinking of transporting humans by spaceship to another world at this time.
Just aim to achieve the Sotapanna Ariya in this Buddhism, then you will be able to transport yourself out of this dangerous world of destruction.
New generation people, come to the path of the Lord Buddha's Ariya.
Start today, here and now, right this minute.
Arahants, the nature of the Ariya Ariya will lead us all to transport ourselves out of the world of ordinary people to the Sotapanna Magga - Arahanta Phala, Nirvana.
That is, to kill the nature of ordinary people, to be completely exhausted, then you will attain the Arhat of this era. It is not difficult at all.
Let's transport them all at once all over the world, all classes, all genders, all ages, all nations, all religions, all places, all over this world - the heavenly world and the universe.
Come on.
Come to the Sotapanna Magga - Arahanta Phala here, today, right now.
Please wait for the next episode ....
• December 5, 2024 7:00 a.m.
@ พุทธศาสนาสู่โลกยุคใหม่ ตอน 2 โลกของปุถุชนกำลังหมุนไปสู่ความวอดวายวินาสน์สลายไปเป็นภัสมธุลีดิน
*****-----*****
พระพุทธศาสนาสู่โลกยุคใหม่ ตอนที่ 3
ยุคนักวิทยาศาสตร์ฟื้นพระพุทธศาสนาสู่โลกใหม่
-----*****-----
1.
เรายังไม่เข้าใจว่า พระพุทธศาสนากับนักวิทยาศาสตร์ หรือคำว่า ศาสตร์ นั้นเป็นประเด็นเดียวกัน
เราจะต้องทำความเข้าใจ อริยสัจ4 ว่าแท้จริงเป็นเรื่อง “เหตุ” และ “ผล” ซึ่งเรื่องนี้เองที่นักวิทยาศาสตร์เอาไปทดลอง ทำการพิศูจน์ทดลอง ตามสิ่งที่ระพุทธเจ้าสอนว่าเป็นหลักอริยสัจธรรมอันประเสริฐ ที่นำมนุษย์ไปพ้นโลกวัฏฏะสงสาร อันมีประเด็นคำสอนตรงเรื่อง “เหตุ” และ “ผล” นั่นเอง
ท่าน เราชาวพุทธอาจจะมองยังไม่รอบคอบ ครบถ้วนพอ
ทรงสอนเรื่อง”เหตุ” คือ อริยสัจข้อ 2 สมุทัย นั่นเอง ทรงระบุเหตุ 3 อย่าง
1. กามตัณหา
2. ภวะตัณหา
3. วิภวะตัณหา
เหตุ 3 อย่างนี้คือตัวความประพฤติของเรา ของคนๆหนึ่ง ทีประพฤติเหตุอย่าไร
หากเราประพฤติไปด้วยความรักความหลง ความเมามัน เป็นทาสของ 3 ตัณหานั้น นั่นแหละก็จะส่งผลไปสุ่ทุกข์
และขณะเดียวกัน ประพฤติด้วยความรู้เท่าถึงว่ามันเป็นต้นเหตุร้ายเขาก็เอาเหตุร้ายทั้งสามนี้ออก หากเอาเหตุทั้ง 3 นี้ ออกไปเสียอย่างหมดเกลี้ยงจากดวงจิต-ดวงวิญญาณภาคภายในให้สะอาดผ่องแผ้ว ปราศจากกามตัณหา ภวะตัณา และวิภวะตัณหาเสียหมดเลยแล้วเมื่อไร มันก็จะบังเกิดผลด้านดีสุดวิเศษเลย คือ นิโรธ นั่นคือบรรลุอรหันต์บุคคลไปโดยอัตโนมัติ
นี่คือสัจธรรมว่าด้วยเรื่อง เหตุ และ ผล
ผลดีเกิดจากเอาเหตุร้าออกไปเสีย ทำลายให้หมด เหมือนเอาเชื้อเพลิงออกจากกองเพลิง ๆ ก็ดับลงไปฉะนั้น
ผลร้าย ก็เลิกจากการประพฤติเหตุร้ายนั้น หลงไปในเหตุร้ายนั้น หลงไปในกามตัณหา ภวะตัณหา วิภวะตัณหานั้นเอง ก็นำไปสู่ผลร้ายคือทุกข์ทรมานสาหัสต่อไปนั่นเอง
-----
ส่วน มรรค 8 เป็นทางปฏิบัติเพื่อประหารเหตุร้าย 3 ประการนั้นเสีย โดยทรงกำหนดไว้ 8 ข้อซึ่งแต่ละข้อ 8 ข้อนั้น ประพฤติดีแล้วสามารถล้างเหตุร้ายได้ ดังเช่น มรรค 2 สัมมาสังกัปโป ดำริชอบ นั้น หมายถึงดวงจิตคิดตรึกตรอง ตรองตรึกเรื่องเหตุหล่านี้อยู่ตลอดเวลา ไม่ลืมที่จะกลับมาทบทวนพิจารณาไม่วางความคิดลงไปเสีย หาเหตุหาผล ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล คิดแล้วคิดอีกทบทวน จนในเมื่อวันหนึ่ง รู้แจ้งเรื่องเหตุเรื่องผล หรือพิศูจน์ได้ว่า ผลมาจากเหตุ รู้แจ้งเรื่องเหตุทางมรรคผลนิพพานคือ กามตัณหา รู้แจ้งขึ้นมาว่ามันเป็นเหตุอย่างไร จึงนำไปสู่ทุกข์ แสนสาหัส จมอยู่ในวัฏฏะสงสารออกไม่ได้
จากการดำริตรึกตรอง คิดไตร่ตรองธรรมะนี้อย่างไม่ละวางเลย ...ก็จะรู้แจ้งขึ้นมาว่ามันเป็นเหตุแห่งทุกข์จริง ๆ ....อย่างไร ?.....อันเป็นเรื่องมรรคข้อที่ 2 สัมมาสังกัปโป ที่ทำได้อย่างบริบูรณ์ ก็เกิดปัญญารู้แจ้งเหตุและผล ขึ้นมารู้ว่ากามตัณหา ภวะตัณหา วิภะวะตัณหา มันเป็นเหตุแห่งทุกข์อย่างไร เท่านั้นเองก็บรรลุ สำเร็จอรหันตมรรคได้เลย
ง่าย ๆ ครั้นรู้เหตุทั้ง 3 ว่ามันเป็นเชื้อ ก็เอาเชื้อออกเสียจากดวงจิต โดยละเลิกหวงแหนคิดฝักใฝ่กับมัน เลิกเห็นคุณค่าของมันอีก ก็เกิดหน่ายมีนิพพิทาญาณเกิดขึ้น เท่านั้นเอง เหตุก็หมดลง ก็บังเกิดผลดี คือนิโรธเกิดขึ้นเอง ก็บรรลุมรรคผลนิพพานระดับสูงสุดอรหันต์อริยบุคคลได้
นั่นคือ ล้างกาม ภวะ วิภวะ ตัณหา ออกไปจากความรู้สึกนึกคิด จิตใจจิตวิญญาณมีแต่ความหมั่นคิดตรึกตรองหาเหตุหาผล อยู่ตลอดลมหายใจเข้าออก จนที่สุดบรรลุปัญญาความรู้แจ้งสว่างไสวขึ้นในดวงจิต ทำลายตัณหาเหตุแห่งทุกข์เสีย ก็สำเร็จได้”ผล”สู่ “นิโรธ”ทันที นั่นคือสำเร็จอรหันต์ทันที ด้วยมรรคข้อที่2 สัมมาสังกัปโปข้อเดียวนี้ บรรลุได้
ฉะนั้นนักวิทยาศาสตร์ จึงมองความคิดพระพุทธเจ้า จากอริยสัต 4 ว่าเป็น วิทยาศาสตร์ ให้เอาเหตุและ ผลไปพิศูจน์เสียก่อนที่จะเชื่อ
ก็นำเอาเรื่องเหตุและผล นี้เองไปทดลองสร้างวิชา วิทยาศาสตร์ขึ้นในโลกนี้
วิทยาศาสตร์(รวมศาสตร์ทั้งหลาย) จึงได้มาจากหลักเหตุและผล ในพระพุทธศาสนานี้เอง ซึ่งอาจจะกล่าวได้เลยว่า พระพุทธศาสนาเริ่มฟื้นขึ้นมาใหม่พร้อมกับยุควิทยาศาสตร์ ยุคที่วิถีชีวิตเป็นวิถีทางแห่งมนุษย์ปัญญาชน ที่พึ่งตนเองได้ด้วยหลักการของ เหตุ และ ผล ตามหลักพุทธธรรมอริยสัจ 4 อย่างแท้จริง
2.
เรา ทราบมาตั้งแต่ยุคนักวิทยาศาสตร์-ดาราศาสตร์คนต้นๆบุกเบิกมา คือ กาลิเลอี กาลิเลโอ ที่ประดิษฐ์กล้องส่องทางไกลจากแว่นตาได้ แล้วส่องมองดูท้องฟ้า ดูดาว ดูดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดูดาวอื่น ๆ ไปหมด แม้ดาวศุกร์ ดาวในสุริยจักรวาล และโลกเราเอง และพบว่าดาวทั้งหลาย เป็นลูกกลมกันทั้งนั้น แล้วยังคำนวณการโคจรของดวงดาว ตามหลักวิชาดาราศาสตร์ ด้วยการประสบจริง ด้วยเหตุ ด้วย ผล แล้วเขียนเป็นทฤษฎีดาราศาสตร์ยุคใหม่ออกมา
ซึ่งเป็นที่ตื่นเต้นในวงการมหาวิทยาลัยยุคนั้น และทำให้โป๊ป สันตะปาปา ประมุขคริสต์ศาสนายุคนั้น หาว่าเป็นการดูหมิ่นแคลนไม่เชื่อถือคำสอนของพระเจ้า สั่งให้เอาตัวไปสารภาพผิดและลงโทษกาลิเลอี กาลิเลโอ สถานหนัก ถึงจำคุก จนเสียชีวิตในคุก
แต่กลับปลุกนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ขึ้นมาพิศูจน์ความจริงใหม่กันมากขึ้น และที่สุดความจริงทางดาราศาสตร์ ได้ทำลายศานาคริสต์ลงไปในยุคใหม่นี้เอง (เรื่องพระเจ้าสร้างโลกใน 6 วัน และสร้างแผ่นดินแผ่นฟ้า เป็นโลกแบน มีขอบโลกลึกลงไปจนนักเดินเรือไม่กล้าเดินเรือไปไกลนอกโลก นั้นก็ได้รับการพิศูจน์ว่าไม่เป็นความจริง จน วาสโคดากาม่า แล่นเรือรอบโลกได้ที่พิศูจน์คำสอนของศาสนาคริสต์ เรื่องโลกนี้ ว่าไม่เป็นความจริงเลย)
และมาถึงนักวิทยาศาสตร์ใหญ่ อัลเบิร์ต ไอสไตน์ ที่เอาหลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มาเทียบกับหลักพระพุทธศาสนาและ
เรื่อง เหตุ คือ สมุทัย
เรื่องผลร้าย คือทุกข์
เรื่องผลดี คือ นิโรธ หรือ มรรคผล นิพพาน
จนได้รู้แจ้งสัจธรรมในพระพุทธศาสนา รู้แจ้งพระพุทธเจ้า ดังที่ไอสไตน์ กล้าสรรเสริญพุทธศาสนาว่า พระพุทธศาสนาเป็นสากลจักรวาล ไม่ใช่สำหรับโลกมนุษย์เท่านั้น
ซึ่งเรื่องนักวิทยาศาสตร์ ยุควิทยาศาสตร์ มาถึงระดับอัลเบิร์ต ไอสไตน์ นี้ คนพุทธหรือนักบวชจะยังไม่เข้าใจเลย ยังเข้าใจไม่ถึงระดับนั้น เพราะคนยุคนี้ ไม่เคยรู้จักพระพุทธเจ้า ไม่เคยรู้จักพระอรหันต์ อริยบุคคลเลยนั้นเอง
-----
มาทบทวนพระพุทธศาสนากับการเมืองยุคใหม่ ยุคพระพุทธศาสนาฟื้นฟูขึ้นใหม่ อันเป็นผลจากการมองไปในประวัติศาสตร์ด้วยหลักพุทธศาสนามรรคผลนิพพานสูงสุด…นับแต่จินตนาการเรื่องทุกขัง อนิจจัง อนัตตา
(1.) ค.ศ. 1732 – 1799 (พ.ศ. 2275 – 2332) พุทธศาสนามาสู่การเมืองโลกยุคใหม่ โดยท่านนายพลยอร์จ วอชิงตัน ผู้นำชาวอเมริกันต่อสู้เอาชนะประเทศเจ้าอาณานิคมอังกฤษฝรั่งเศส ประกาศศาสนาประชาธิปไตยขึ้นในโลกตามหลักการพุทธศาสนาว่าด้วยการปกครองโดยการแบ่งปันอำนาจสูงสุดแก่ชนชาวอเมริกันทุกคน ๆ ละ1 อำนาจ1เสียง โดยนายพลยอร์จวอชิงตันเอง ปฏิเสธ การเป็นจักรพรรดิ ปฏิเสธสร้างอเมริกาเป็นมหาอำนาจจักรพรรดิโลก มาตั้งเป็นระบบประธานธิบดี ที่อยู่ในอำนาจเพียง2 วาระ ๆละ4 ปีเท่านั้นโดยที่ประชาชนอเมริกันทั้งประเทศ ให้อำนาจมาจากการเลือกตั้ง
โดยหลักการสูงสุดพระพุทธศาสนานั่นคือหลักมรรคผลนิพพาน สัจธรรม ว่าด้วยความเสมอภาคของบุคคล เป็นคนเท่ากันหมด แต่ละคนมีเสรีภาพไม่มีทาสในประเทศสหรัฐอเมริกาและต้องถึงทำสงครามล้างทาสไปจากแผ่นดิน ให้มีคนเสมอกันเป็นไท เป็นเสรีชนหมด เมริกันทั้งประเทศต้องไม่มีคนเป็นทาส ถึงต้องทำสงครามล้างทาสก็ทำ และให้เป็นหลักการปกครองแบบพี่ๆ น้อง ๆ คือ ประชาธิปไตย เป็นหลักการปกครองที่ไม่มีใครชนะ หรือแพ้แต่ชนะเท่ากันหมด โดยคนอเมริกันต่างมาเข้าใจสัจธรรม ว่าด้วย ทุกขัง นิจจัง อนัตตา ....ไปถึงหลักการว่างเปล่า ไร้ตัวตน นั่นคือ หลักความเสียสละไม่เห็นแก่ตัวตามหลักพระพุทธศาสนา ทำให้พอใจในหลักการประชาธิปไตยแบ่งปันทานอำนาจลงตัวกันได้
นี่เองคือการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาสู่ยุคใหม่ โดยการเมืองระบอบประชาธิปไตยนั้นเอง เผยแผ่ออกไปทั่วโลก ในนาม สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพของประชาชน พุทธศาสนาฟื้นมาสู่ยุคใหม่มาพร้อมการตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา 232 ปีมาแล้ว นี่เอง มองได้ว่า ท่านนายพลยอร์จ วอชิงตัน ได้เป็นผู้รู้จริงตามหลักมรรคผลในพระพุทธศาสนาและได้นำหลักมาสู่การปกครองแบบประชาธไตย ๆ จึงแท้จริงคือการฟื้นูศาสนาพุทธขึ้นมาสู่โลกยุคใหม่นี้นั่นเอง และประชาธิปไตยแผ่ไปยังประเทศทั้งหลายในโลกมีแต่ที่จะอธิบายให้เข้าใจหลักธรรมพุทธ+ประชาธิไตยให้โลกเข้าใจดียิ่งขึ้นเท่านั้นเอง
(2.) ค.ศ.1946 (พ.ศ.2489) 147 ปีต่อมา นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ระดับที่เป็นไอคอนของอัจฉริยะด้วยกันเอง คือท่านผู้นี้ อัลเบิร์ต ไอสไตน์(Albert Eistein) นั้น ได้บังเกิดมา และแน่ละ เขาได้ศึกษาพุทธศาสนาแบบลึกซึ้ง จนได้พบความจริง แห่งชีวิตมนุษย์โลกและชีวิตทั้งจักรวาล ว่าเป็นไปตามสัจธรรมแห่งพระพุทธศาสนา จนได้ประกาศวรรคทองไปทั่วโลกว่า พุทธศาสนาเป็นศาสนาเดียวสำหรับโลกและจักรวาล....”บรรดาศาสนาในโลกนี้พุทธศาสนาน่าจะเป็นศาสนาที่ยอดเยี่ยมที่สุด และเหมาะสมแก่คนทุกยุคทุกสมัยเพราะทนต่อการพิศูจน์ได้ทุกเวลา” ....นั้นคือได้พบว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาวิทยาศาสตร์นั้นเอง
(3.) ค.ศ. 1838 – 1876 (พ.ศ.2381 - 2419) ศาสตราจารย์โรเบิร์ต ซีซาร์ชิลเดอร์ส (Robert Caesar Childers) มหาวิทยาลัยลอนดอน จักรภพอังกฤษ ผู้ได้ไปรับราชการอาณานิคมในประเทศศรีลังกา ได้ศึกษาพุทธศาสนาจากคัมภีร์บาลีเก่าแก่ จนได้พบสัจธรรมระดับมรรคผลนิพพาน ได้นำบาลีพุทธศาสนากลับประเทศอังกฤษได้ทำการแปลขุทกนิกาย เป็นภาษาอังกฤษขึ้นเป็นครั้งแรก และแปลคัมภีร์อื่น ๆ อีกเป็นที่ปรากฏในวงการนักปราชญ์ยุคนั้น แล้วยังทำเรื่องสำคัญที่เทิดทูนหลักพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงมีเหตุผล นั้นก็คือ ได้ทำการแต่งปทานุกรม บาลี - อังกฤษขึ้น 2 เล่ม แต่งเล่มแรกก่อน แล้วปรับปรุงเป็นเล่มที่ 2 ให้สมบูรณ์จริง ๆ เผยแผ่ไปในวงการศึกษามหาอำนาจตะวันตก-อเมริกา จนได้รับการยกย่องนับถือทั่วทวีปยุโรป ได้รับรางวัล Volnoy Prize จากสถาบันแห่งฝรั่งเศสอันเป็นรางวัลสำหรับให้แก่หนังสือทางนิรุกติศาสตร์ ที่แต่งดีที่สุดในรอบปี ค.ศ.1876(พ.ศ.2419)
3.
นี่คือ ปรากฎการณ์ทางประวัติศาสตร์ ในลักษณะที่ยกยอพระพุทธศาสนาขึ้นมาสู่โลกยุคใหม่ ด้วยหลักการวิทยาศาสตร์ คือหลักการเหตุและผล ของศาสนาพุทธนั้นเอง ซึ่งหมายความว่า ยุคเหตุ - ยุคผล - ยุควิทยาศาสตร์- ยุคศาสตร์ทั้งหลาย รวมทั้ยุคการเมืองระบอบประชาธิปไตย นั้นเอง คือ พระพุทธศาสนายุคใหม่ .....พุทธศาสนากลายเป็นศาสนาใหม่ – การเมืองใหม่ประชาธิปไตยของโลกมาอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งกำลังเผยแผ่ สร้างสรรค์สังคม การเมืองทั้งโลกอยู่ในขณะนี้....ซึ่งกำลังก้าวหน้าไปตามครรลองสัจธรรมสูงส่ง มรรคผลนพิพาน นั้นเอง
หากแต่สังคมที่ไร้ปัญญาชน สังคมที่ขาด ปราศจากผู้รู้จริง ระดับพระอรหันตบุคคลผู้รู้แจ้งโลก ...นั้น จะหามองเห็นมองเข้าใจไม่
แม้ว่า การเมืองพุทธ คือ ประชาธิปไตยนั้นแท้จริงก็คือพุทธยุคใหม่ ก็หาเข้าใจไม่ ทั้งๆ ที่ได้ชื่อว่าเมืองพุทธ แต่หาเข้าใจพุทธไม่?
ก็เพราะยังไม่สามารถบรรลุสติปัญญาภาคพลังภายในอันสูงส่ง ศักดิ์สิทธิ์ สูงบริสุทธิ์รู้แจ้งโลก นั้นเอง
-----
นั่นคือ ความจริงที่ว่า
เรื่องของพุทธศาสนายุคใหม่นั้น มันเป็นเรื่องของ นักวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง เป็นเรื่อง เหตุและ ผล การแสวงหาเหตุแห่งความทุกข์และปัญหาโลกหมุนวนเป็นวัฏฏะสงสารไม่รู้จบสิ้น และ การแสวงหาเหตุแห่งนิโรธ นิพพานอันพ้นไปจากโลกวัฏฏะสงสาร สู่แดนพ้นทุกข์นิรันดร นั้น
แต่ทว่า จริงอยู่ นักวิทยาศาสตร์หรือ ศาสตร์ทั้งหลายยุคใหม่นี้ ที่กำลังศึกษาอย่างลึกซึ้งด้วยเหตุและผล ตามครรลองพุทธศาสนานั้นแม้ได้พบมาตามลำดับซึ่งวิถีทางมรรคผลในพระพุทธศาสนา แต่วันนี้ ได้พบว่า นักวิทยาศาสตร์โลกนั้น ก็ยังคงไม่ทันเข้าถึง จุดละเอียดสูงสุดของเหตุและผล คือ
เหตุของทุกข์ เหตุของ นิโรธ
ทุกข์ มาจากเหตุ 3 ประการ คือ
(1.) กามตัณหา..อยากในความรักความใคร่ ความเสน่หาอาลัยอาวรณ์ แล้วหาความพอไม่ได้ มีแต่แสวงหารสกามไปไม่รู้จักพอเพียง ครั้นตกเป็นทาสกามนั้นแหละทุกข์ใหญ่ก็มาถึง
(2.) ภวะตัณหา อยากใหญ่มีอำนาจ ใฝ่แสวงหามาอย่างไม่ชอบธรรมให้ได้บารมี เด่นดังเหนือคนอื่น ปกครองคนอื่น ใหญ่กว่าคนทั้งหลาย อยากได้ อยากดี อยากมั่งมีเหนือคนอื่น ไม่รู้จักความพอเพียงหยุดไม่เป็นที่สุดก็พังสลายลงได้
(3.) วิภวะตัณหา ความด้อยในความดี ความมีอำนาจ บารมีต่ำต้อย น้อยวาสนา ความร่ำรวยด้อยต้อยต่ำแล้วไม่รู้จักแสวงหามาโดยชอบธรรมถูกต้องตามหลักสันติธรรมทางศาสนา ทนทุกข์เพราะปมด้อยต้อยต่ำไปตลอดชีวิต คิดแสวงหามาแบบโง่เขลาเบาปัญญา ใฝ่สูงแบบยอมเป็นทาสของผู้อื่น สิ่งอื่น แม้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ตัวตน หากชนะวิภวะตัณหาแล้วชีวิตก็พอเพียงไม่เป็นทุกข์เลยมีแต่จะร่ำรวยยิ่งขึ้น
นิโรธ ในอริยสัจ 4 นิโรธนี้ก็คือ นิพพาน นั่นเอง แผลงไปอีกก็ได้หลายนัยยะ รวมความหมายก็โลกโลกุตตระนั่นเองอันเป็นโลกแห่งความสิ้นทุกข์ สิ้นทุกอย่าง ที่พ้นไปจากวัฏฏะสงสารการหมุนวนไม่รู้จบสิ้น
มาจากเหตุ 3 ประการคือ
(1.) ชำระกามตัณหาได้หมดเกลี้ยงไปจากใจ
(2.) ชำระภวะตัณหาให้หมดเกลี้ยงไปจากใจ
(3.) ชำระวิภวะตัณหาให้หมดเกลี้ยงไปจากใจ
ชำระเหตุทั้ง 3 นี้เกลี้ยงไปเมื่อไร ก็บรรลุอรหัตตมรรค สู่อรหัตตผลเมื่อนั้น ....ไม่ช้าเลย
นี่แหละที่นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่พยายามปรับหลักวิชาตนเอง เข้ามาตรา เหตุและผล ตามนี้
เหตุตัวเดียวกัน
1. กามตัณหา
2. ภวะตัณหา
3. วิภวะตัณหา มันเป็นตัวเหตุ ที่ทำร้ายเรา ทำร้ายเราเพราะเราหลงใหลในเหตุทั้ง 3 จึงนำไปสู่ผลร้าย คือทุกข์ ทุกขอริยสัจ คือ ทุกข์เพราะตัณหาทั้ง 3 นี้
4.
ทางด้านผลที่ดี
มันปลดปล่อยเราได้วิธีเดียวเท่านั้น คือ เราต้องไม่ประนีประนอมมันเลย ต้องฆ่ามันเกลี้ยงทั้ง 3 ตัณหานั้นปลดปล่อยมันไปจากดวงจิตวิญญาณของเราหมดเกลี้ยง ไม่ฆ่ามัน ๆก็ไม่ปลดปล่อยเรา และเมื่อฆ่ามันแล้วตายเกลี้ยงเราก็ได้รับผลเป็นอรหันตบุคคลโดยทันที นี่แหละเรื่องเหตุ และ ผล
-----
ท่านจงปฏิบัติ มรรค 8 ไปแต่ละข้อๆให้ตรงๆ แต่ละข้อ
เช่นปฏิบัติ มรรค 2 สัมมาสังกัปโป ความดำริตริตรอง คิดวิเคราะห์วิจารณ์ภาคภายใน จิตใจในธรรม ของตน กาย วาจา ใจ ตนเองอยู่ตลอดเวลา อย่าละทิ้ง จนรู้แจ้งขึ้นมา ซึ่งเหตุและผล ก็สำเร็จอรหันต์ทันใด
แม้ทำสัมมาสังกัปโปคือทำกาย วาจา ใจ ให้ บริสุทธิ สะอาด ให้ซื่อตรงทุกสถานการณ์ แม้มีเหตุการณ์ร้ายใดมาขัดขวางก็ไม่ยอมพ่ายแพ้ไป เรายืนยันหลักกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของเราให้มั่นคงคงที่ อย่างไม่ยอมทำผิดทำชั่วเลย ทำแต่ความดีแม้ชีวิต กล่าวคือคิดอย่างไร พูดไปอย่างนั้นและทำไปตามที่คิดที่พูด หากไม่เช่นนั้นระวังอย่าคิดอย่าพูดไป จะลดทอนความดีลงไป ให้ไม่ตรงกัน นั่นแหละสัมมาสังกัปโป หมั่นคิดตริตรอง วิจัยวิจารณ์ด้วยจิตอย่างไม่ละทิ้งตลอดเวลา คิดธรรมะตลอดเวลา บุคคลิกจะเป็นนักคิด นักสันติธรรม สงบ เพราะคิดเรื่องธรรมะในใจไม่ขาด ต้องตรองไปให้เห็นเหตุและผล และทำไปตรงความจริงผ่านไปได้ตลอด ก็สะสมพอบรรลุอรหันต์ได้เท่านั้นเอง
-----
สัมมาอาชีโว อาชีพชอบ สำหรับคนทั้งหลาย ทำอาชีพชอบตลอด ทำมาหากินขยันขันแข็งตลอด แต่ต้องสุจริต ต้องไม่โกงกิน ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น ต้องขยันทำเอาด้วยตนเอง พลังงานตนเอง ทำอาชีพแบบสุจริต ไม่คิดโลภเพราะความโกงอยากได้ผิด ๆ อย่าทำตลอดไป อย่าแพ้แก่ความโลภ ความโกรธความหลง ระมัดระวังไว้ตลอด และที่ตรงคือรู้เรื่องเศรษฐกิจแบบพอเพียงของในหลวง จนที่สุดความดีก็สะสมพอก็ร่ำรวยได้ และพร้อมกับบรรลุอริยสัจธรรมไปพร้อมกันเลย นี่แหละ ได้พร้อมกันทั้งทางโลกทางธรรม โดยถือหลักสัมมาอาชีโว+ สัมมาวายาโม ขยันขันแข็งตลอด นี่เอง รวยได้ พร้อมกับการบรรลุอรหันต์เลยทีเดียว
สัมมาวายาโม ความเพียรชอบนั้น หลักก็คือเอาความขี้เกียจออกไปหมดจิตใจให้ได้ เท่านั้นเองเหลือแต่ความขยันก็บรรลุโสดาบันได้แล้ว ขยัน ๆ ๆ ๆ ๆ ฝึกลูกหลานเราให้ขยัน ไม่ว่าขยันอะไร ให้หมดความขี้เกียจ นั่นแหละได้ผลทั้งทางโลกทางธรรมไปเลย เราคิดว่าตัวอย่างคือ ลาลิสา แบล๊กพิ้งค์ นั้นเองเลย ยอดความขยันจนสำเร้จงานอาชีพอย่างโด่งดังยิ่งใหญ่ในโลก ยิ่งใหญ่ทั้งทางโลกทางธรรม เพราะ ความเพียรชอบจริงๆ
-----
สัมมาสมาธิ สมาธินั้นหมายถึงความกล้าหาญ ความกล้าต่อสู้กับสิ่งชั่วร้าย และความยืนหยัดไม่ยอมแพ้แก่สิ่งที่ผิด หรือ ไม่ยอมทำชั่ว ทำแต่ความดีล้วน ๆ และ ระมัดระวังตลอดซึ่งดวงใจของตน ให้กล้าหาญ กล้าสู้กับความชั่วร้าย คนชั่วร้าย สิ่งชั่วร้าย จิตใจต้องเข็มแข็งไปตลอด เมื่อจิตใจเข้มแข็งแล้วก็หมายความว่ามีเส้นทางที่เจริญไปสถานเดียว มุ่งสูงส่งในความดีไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็บรรลุขอบทางแห่งอริยมรรค เข้าสู่ริยผล เท่านั้นเอง ในชาตินี้ เวลานี้เลย ไม่ต้องคิดถึงชาติหน้า
-----
สัมมาสติ ความไม่ประมาท มองดูว่าทำอะไรในปัจจุบันนี้ ส่วนสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ นั้น ที่ต้องเข้าใจและดำรงไว้ตลอดก็คือการสำเร็จมรรคผลนิพพาน โสดาบัน ถึงอรหันต์นั้น เราต้องทำเอาเอง ไม่มีใครทำให้เราได้ ดังที่พุทธองค์ก็ทรงบอกเลยว่า แกต้องทำเอาเอง เดินไปเอง ฉันเพียงชี้บอกทางให้เท่านั้นเอง แกไม่เดินไปเองก็ไปไม่ถึงไม่ได้ เหตุผลก็คือ เราทำบุญก็ดีทำบาปก็ดีมันตรงลงไปสู่ใจเราผู้ทำนั้น แบบที่ไม่มีใครเอาใส่ลงไปให้ มันลงไปเอง ผลของความดี มันเป็นของเราไม่ใช่เป็นของคนอื่น มันลงสู่ใจเราเองไม่ได้ลงสู่ใจคนอื่น คนอื่นก็เอาความดีของเขาใส่ลงในใจเราไม่ได้ เขาก็เอาใสแต่ใจเขาเช่นเดียวกัน ฉะนั้น จึงต้องเข้าใจว่าเราต้องทำความดีเอาเอง ความดีก็จะสะสมในใจเราไปเรื่อยๆ ด้วยเราสะสมไปเอง ๆ ไม่มีใครเอาใส่ให้ ฉะนั้น การทำความดี ใส่ความดีลงไปในใจ จึงเป็นเรื่องของใครขงมัน หากไม่ใส่ความดีลงไป ก็ไม่มีความดีเพิ่มมา โดยคิดอาศัยคนอื่นนั้นไม่ได้ ก็จะชวดมรรคผลไปทั้งชีวิตนี้ ฉะนั้น ตนแลย่อมเป็นที่พึ่งของตน ....ซึ่งเรื่องนี้ เราต้องเข้าใจเลยไปถึงเรื่องศาสนาเทวนิยมอื่นด้วย ว่า ที่ว่าพระเจ้าจะทำอะไรให้นั้นก็เข้ากฎนี้ กฎตนแลเป็นที่พึ่งของตน แม้พระเจ้าก็พึ่งไม่ได้ ที่ว่าพระเจ้าจะเอาความดีใส่ให้ นั้นก็เพราะเขายังไม่เข้าใจควาจริงนี้เรื่องมรรคผลนิพพานนั้นเอง ต้องทำเอาเอง ฉะนั้นสัมมาทิฏฐินี้ โดยรูปธรรมเลยก็คือ เราต้องไม่ไปนับถือศาสนาอื่นเลย คริสต์ อิสลาม ฮินดูนี้พึ่งไม่ได้ เขาไม่อาจจะช่วยใครให้บรรลุมรรคผลนิพพาน อรหันต์มรรคอรหัตตผลได้เลย คนบรรลุ จึงต้องบรรลุด้วยปัญญารู้แจ้งของตนเองจริง ๆ นี่คือหลักสัมมาทิฏฐิโดยตรงเลย
5.
เรื่องนักวิทยาศาสตร์ยุคนี้ หรือโดยรวมหมายถึงคนสมัยยุคเทกโนโลยี่นี้นั่นเอง ....กล่าวคือ คนยุคใหม่ โลก 8,000 ล้านชีวิต 138 ภาษาวันนี้.... ก็คือ เขาเก่งในเชิงปฏิบัติพุทธธรรมและได้เปรียบมากตรงที่เขามีการเอาธรรมะไปปฏิบัติทดลองปฏิบัติจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ในการงานอาชีพของเขา แบบนักวิทยาศาสตร์ เช่นปรากฎออกมาเรื่อง สมาธิ จนสามารถสรุปผลเชิงวิทยาศาสตร์ออกมาได้อย่างน่าตื่นเต้น แม้เด็ก เยาวชน ยุคใหม่ ในประเทศมหาอำนาจ หรือแม้ประเทศอิสลามเลย ก็ยังสามารถเข้าสมาธิได้ถึงระดับ อุปจาระสมาธิต้นๆ กันทั้งโรงเรียนเลย กระนั้น ก็มีข้อสังเกต ว่า ยังไม่ทันได้สัมผัสความเป็นอริยบุคคล...ตามหลักการสูงสุดของอริยบุคคลเหนือโลก ทางพระพุทธศาสนาเลย
เช่น ฆราวาสผู้เคร่งในธรรม ถึงพระโสดาบันมรรค ปกตินั้นจะต้อง เดินฌานได้ทั้ง 4 ชั้น..... เดินขึ้น เดินลง ตั้งแต่ปฐมฌานไปถึงจตุตถฌาน แล้วเดินลงจากจตุตถฌานลงสู่ปฐมฌาณ....ทำได้เป็นปกติของ ผู้เคร่งธรรมถึงพระโสดาบันมรรค (คือท่านทำเวลาพักผ่อน หลับนอน เป็นธรรมดา ๆ เข้าฌาน ขึ้นลงเช่นนั้นอยู่ตลอดวันก็มี) ... ตามตำรานั้นเอง คือ 1 ปฐมฌาน. (ฌานต้นของผู้ทรงศีล) 2. ทุติยฌาน (ฌานที่ 2 ของผู้ทรงศีล ) 3. ตติยฌาน (ฌานที่ 3 ของผู้ทรงศีล) 4. จตุตถฌาน(ฌานที่ 4 ของผู้ทรงศีล)
ส่วนอริยบุคคลสูงขึ้นไประดับ อนาคามี นั้น จะเดินสมาธิ เริ่มเข้าระดับสมาธิไปตามลำดับ ตั้งแต่ คณิกะสมาธิไป ต้น - กลาง – สูง, อุปปะจาระสมาธิ ไปต้น – กลาง - สูง, ถึงระดับ อัปปะนาสมาธิต้นๆ รวมเป็น 6 - 7 ระดับขึ้นลงอยู่อยู่ 6 - 7 ระดับนี้ ......เป็นพระอรหันต์แล้ว จึงไม่ต้องทำฌาน+สมาธิเหล่านี้ เพราะลงสู่ความเป็น สามัญชน (สูงสุดสู่สามัญชน) มองท่านด้วยปัญญาภายในจึงจะรู้จักท่าน (แบบพระพุทธเจ้าเข้าปรินิพพาน ทรงฌาณ ขึ้นลง 4 – 5 ชั้น ในที่สุดลงมาเข้านิพพานจากฌาณระดับปฐมเท่านั้นเอง)
ที่เล่าอันนี้ก็เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ได้ข้อสังเกตไว้ นั่นเอง ว่าระวังว่าอย่าเพิ่งสรุปอะไรง่ายๆ จนกว่าจะได้พิศูจน์เห็นจริง จริงๆ .....ทั้งนี้ก็เพราะปรากฏว่านักวิทยาศาสตร์วันนี้ ได้พบสิ่งที่น่าตื่นเต้น บนเส้นทางพระพุทธศาสนาไปลึกซึ้งทุกวัน ๆ ไป หากแต่ยังอาจจะละเลยประเด็นความเป็นพระพุทธเจ้า ความเป็นพระอรหันต์ อย่างแท้จริงเท่านั้น และการที่ยังไม่เข้าใจนั้น วันหนึ่งก็อาจปฏิเสธหลักมรรคผลในพระพุทธศาสนาไปเสีย
อย่างเช่นในวันนี้
นักวิทยาศาสตร์ ได้เอ่ยคำว่า “จินตนาการ” และเขาดูจะได้พบความจริงว่า จินตนาการเป็นประเด็นความจริงสูงสุดด้านการศาสนา ด้านความลึกลับทางไสยศาสตร์ ไสยเวทย์ และเรื่องโลกจิตวิญญาณทุกชนิด กล่าวคือ เป็นคำตอบทุกโจทก์ปัญหาทางศาสนาโลกทั้งหลายในวันนี้เลยทีเดียว ....ด้วยคำว่า จินตนาการ
หากแต่ว่า จินตนาการนั้น แท้จริงมีหลายระดับ ระดับใดบ้าง นี่ต่างหากที่นักวิทยาศาสตร์ยังจะต้องศึกษาหาความจริงต่อไป
และระดับสูงสุดที่ดูเหมือนนักวิทยาศาสตร์ได้พบมานั้น ....ก็ยังไม่อาจนำไปบรรลุอรหันต์ได้นี่แหละที่นักวิทยาศาสตร์จะได้คิด และอย่าเพิ่งไปสรุปว่า จินตนาการ ที่นักวิทยาศาสตรได้พบในวันนี้นั้นสูงสุดแล้ว
หากมิฉะนั้น ก็จะเป็นความประมาทและน่าเสียดายที่นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ น่าจะบรรลุมรรคผลระดับอรหันต์บุคคลโดยง่าย ๆ หากแต่จะมองข้ามไปด้วยความไม่เข้าใจไม่มองความจริง ว่าด้วย ระดับแห่งจินตนาการ….การเลื่อนระดับแห่งจินตนาการไปสู่สูงสุด ก็คือระดับพระอรหันต์ ระดับพระพุทธเจ้านั้น น่าจะไม่ง่ายนักเลย
อย่างน้อยก็น่าจะมอง ท่านผู้นี้ก่อน ท่านอัลเบิร์ต ไอสไตน์ ฟังคำพูดท่านที่ว่า “พุทธศาสนาเป็นศาสนาเดียวสำหรับโลกและจักรวาล” นั้นเอง
เมื่อพูดถึงเรื่องเหล่านี้มา นับเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลึกซึ้ง ระดับผู้รู้อรหันต์ พุทธเจ้าจึงจะอธิบายให้เข้าใจได้
โปรดรอตอนต่อไป
***** 9 ธ.ค. 2567 19.00น.
*****-----*****
เอาลง 138 ภาษาโลกแล้ว
โปรดคลิกขวามือทั้งหมดนี้ก็เป็นภาษาของท่านแล้ว
อยู่มุมไหนของโลกเลือกภาษาได้เลยแค่กดปุ่ม
Buddhism to the Modern World, Part 3: The Era of Scientists Reviving Buddhism to the New World
-----*****-----
1.
We still do not understand that Buddhism and scientists, or the word science, are the same issue.
We must understand the Four Noble Truths, which are truly about “cause” and “effect”. This is what scientists have experimented on, tested, and proven according to what the Buddha taught as the noble principles of the Noble Truths that lead humans to escape the cycle of existence, which has the teachings directly on “cause” and “effect”.
We Buddhists may not have looked at it carefully and completely enough.
He taught about “cause”, which is the Second Noble Truth, Samudaya. He specified 3 causes:
1. Kama Tanha
2. Bhava Tanha
3. Vibhava Tanha
These 3 causes are our own behavior, of a person who behaves in a certain way.
If we act with love, infatuation, and intoxication, becoming slaves to those 3 desires, that will lead to suffering.
And at the same time, act with the knowledge that it is the cause of evil, he will remove these 3 evil causes. If these 3 causes are completely removed from the inner mind and soul, making them clean and pure, free from lust, existence and non-existence, then when will the best result occur, which is Nirodha, which is automatically attaining Arahantship.
This is the truth about cause and effect.
Good result comes from removing evil cause, destroying it completely, like removing fuel from a fire, and it goes out.
Bad result is to stop acting on that evil cause, getting lost in that evil cause, getting lost in lust, existence and non-existence, which leads to the bad result of severe suffering.
-----
As for the Noble Eightfold Path, it is the practice to destroy those 3 evil causes. By setting 8 points, each of which, if practiced well, can eliminate bad causes, such as the second path, Samma Sankappo, right thought, which means the mind thinks and ponders, ponders on these causes all the time, does not forget to come back and review, consider, do not let go of thoughts, find reasons, the relationship between causes and effects, think and think again, review until one day, understand the cause and effect, or prove that the result comes from the cause, understand the cause of the path, the result, Nirvana, which is sensual desire, understand clearly what is the cause, leading to severe suffering, drowning in the cycle of existence and unable to escape. From pondering, pondering, pondering this Dharma without letting go at all... will know clearly that it is the cause of suffering, really... how?... which is the matter of the second path, Samma Sankappo, which is done completely, will give rise to the wisdom of knowing cause and effect, knowing how sensual desire, craving for existence, craving for non-existence are the causes of suffering. Only then will there be attainment. Achieving the path of Arahantship
It is easy. When you know the 3 causes that they are germs, remove the germs from your mind by stopping to hold on to them, stop thinking about them, stop seeing their value anymore. Then you will feel bored and have the knowledge of dislike. That’s it. The cause will end. Then a good result, Nirodha, will arise on its own. Then you will attain the highest level of Nirodha, the path and fruit of Arahantship.
That is, wash away lust, existence, and craving from your feelings and thoughts. Your mind and spirit will only have the diligence to think and ponder over causes and results, throughout your breath. Finally, you will attain enlightened wisdom and knowledge that will immediately brighten your mind. You will immediately attain Nirodha. That is, you will attain Arahantship with the second step of the path, Samma Sankappo, this step alone.
Therefore, scientists view the thoughts of the Lord Buddha from the Four Noble Truths as science. Use cause and effect to prove before believing.
Then take the matter of cause and effect. This is the experiment to create the subject of science in this world. Science (all sciences) therefore comes from the principle of cause and effect in Buddhism. It can be said that Buddhism began to revive again with the scientific era, the era when the way of life is the way of life for intellectuals who can rely on themselves with the principle of cause and effect according to the principles of the Four Noble Truths of Buddhism.
2.
We have known since the era of the first pioneering scientists and astronomers, namely Galilei Galileo, who invented binoculars from glasses and looked at the sky, the stars, the moon, the sun, and other stars, including Venus, the stars in the solar system, and our own world, and found that all stars are spherical. He also calculated the orbits of the stars according to the principles of astronomy by experiencing things for real, with reason, and then wrote a new astronomical theory.
Which was exciting in the university circle at that time and caused the Pope, the leader of Christianity at that time, to think that it was an insult and distrust of God's teachings, ordering him to confess his guilt and severely punishing Galilei Galileo to imprisonment until he died in prison.
But instead, he aroused a new generation of scientists to prove new truths more and more, and in the end, the truth of astronomy destroyed Christianity in this new era (the story of God creating the world in 6 days and creating the land and sky as a flat world with a deep edge that sailors did not dare to sail far beyond the world. That was proven to be untrue until Vasco da Gama sailed around the world and proved that the teachings of Christianity about this world were not true at all.)
And then came the great scientist Albert Einstein who compared the scientific reasoning with the principles of Buddhism and
The matter of cause is Samudaya
The matter of bad result is suffering
The matter of good result is Nirodha or Magga-Phala, Nirvana
until he realized the truth of Buddhism, realized the Lord Buddha as Einstein dared to praise Buddhism that Buddhism is the universal universe, not just for the human world.
Which is the matter of scientists in the scientific era to the level of Albert Einstein, Buddhists or monks would not understand at all, not to that level because people in this era have never known the Lord Buddha, never known Arahants or Noble Ones.
-----
Let's review Buddhism and modern politics in the era of Buddhism being revived. As a result of looking into history with the highest Buddhist principles, the path to Nirvana... since the imagination of suffering, impermanence, and non-self
(1.) 1732 - 1799 (B.E. 2275 - 2332) Buddhism came to modern world politics by General George Washington, the American leader who fought to defeat the colonial powers of England and France, announcing the democratic religion in the world according to the Buddhist principle of governance by sharing the highest power with every American, 1 power, 1 vote. General George Washington himself refused to be an emperor, refused to create America as a world imperial superpower, and established a presidential system that was in power for only 2 terms, 4 years each, while the American people all over the country gave power from elections.
According to the highest Buddhist principle, which is the principle of the path to Nirvana, the truth, regarding the equality of individuals, all people are equal, each person has freedom, no slaves in the United States and must go to war to eliminate slaves from the land, so that there are equal people, free people, all Americans must not have slaves. Even if there is a war to eliminate slaves, it is done. And to be the principle of governance like brothers and sisters, that is democracy, is a principle of governance in which no one wins or loses but wins equally. By Americans coming to understand the truth of suffering, impermanence, and non-self... to the principle of emptiness, without self, that is, the principle of sacrifice, selflessness according to Buddhism, making them satisfied with the principle of democracy, sharing power equally. This is the revival of Buddhism to the new era by the political system of democracy itself, spreading throughout the world in the name of the Republic, democracy, people's rights and freedoms. Buddhism was revived to the new era with the establishment of the United States of America 2932 years ago. This is what can be seen as General George Washington being a true expert in the principles of the path and fruition in Buddhism and bringing the principles to democratic governance. Therefore, it is truly the revival of Buddhism to the modern world. And democracy spread to all countries in the world, only to explain the principles of Buddhism + democracy for the world to understand better.
(2.) 1946 (1946 B.E.) 147 years later, a genius scientist, at the level of an icon of genius himself This person, Albert Eistein, was born. And of course, he studied Buddhism deeply until he found the truth of human life and the life of the entire universe, which is in accordance with the truth of Buddhism. He announced the golden verse to the world that Buddhism is the only religion for the world and the universe. "Of all the religions in this world, Buddhism is probably the most excellent religion and is suitable for people of all ages because it can withstand proof at any time." That is, he found that Buddhism is a scientific religion. (3.) 1838 - 1876 (1838 - 1876) Professor Robert Caesar Childers, University of London, British Empire, who went to serve in the colony in Sri Lanka, studied Buddhism from the old Pali scriptures until he found the truth of the path to Nirvana. He brought Pali Buddhism back to England and translated the Khuddaka Nikaya into English for the first time. He also translated other scriptures which were known in the circle of scholars of that era. And he also did an important thing that firmly and reasonably honored the principles of Buddhism, which was to compose a two-volume Pali-English dictionary, writing the first volume first and then improving it to be the second volume to be truly complete, disseminating it in the educational circles of the Western superpowers - America until it was respected throughout Europe, receiving the Volnoy Prize from the French Institute, which is an award for the best etymological book written in the year 1876 (B.E. 2419).
3.
This is a historical phenomenon in the form of elevating Buddhism to the modern world with the principles of science, namely the principles of cause and effect of Buddhism itself. This means that the era of cause - the era of effect - the era of science - all the science eras, including the era of democratic politics, is modern Buddhism. .....Buddhism has become a new religion - a new democratic politics of the world today, which is currently being propagated, creating society and politics throughout the world....which is progressing along the path of the highest truth, the path to nirvana.
However, a society without intellectuals, a society that lacks, lacks true knowledge, at the level of Arahants who know the world...will not be able to see or understand.
Although Buddhist politics, which is democracy, is truly modern Buddhism, it is not understood. Even though it is called a Buddhist country, it does not understand Buddhism?
Because it has not yet been able to achieve the wisdom of the inner power that is high, sacred, pure and knows the world.
-----
That is the truth that
The matter of modern Buddhism is a matter of True scientists are about cause and effect. The search for the cause of suffering and the problems of the world revolving in an endless cycle of rebirth and the search for the cause of cessation, Nirvana, which is beyond the world of rebirth and the eternal land of suffering.
However, it is true that scientists or all modern sciences who are studying deeply with cause and effect according to the Buddhist path, even though they have found the path and the result in Buddhism in order, but today they have found that world scientists still have not reached the highest point of cause and effect, which is the cause of suffering, the cause of cessation.
Suffering comes from 3 causes:
(1.) Lust.. wanting love, lust, affection, longing, and not finding satisfaction, only seeking the taste of sensuality without knowing satisfaction. When becoming a slave to that desire, great suffering comes.
(2.) Desire to be great and powerful, seeking it unjustly to gain prestige, to be prominent above others, to rule others, to be greater than others, to want to be good, to be wealthy above others. Not knowing sufficiency, not stopping, and eventually collapsing. (3.) Vibhava Tanha: Inferiority in goodness, power, low charisma, less fortune, low wealth, and not knowing how to seek it in a righteous and correct manner according to the principles of religious peace. Suffering because of inferiority complexes throughout life. Thinking of seeking it foolishly and ignorantly. Aspiring to be a slave to others, other things, even sacred things that have no self. If you overcome Vibhava Tanha, your life will be sufficient, without suffering at all, but will only become richer. Nirodha: In the Four Noble Truths, Nirodha is Nirvana. It can be interpreted in many ways. The meaning is the supramundane world itself, which is the world of the end of suffering, the end of everything, that is free from the endless cycle of existence.
It comes from 3 causes:
(1.) Purifying sensual desires completely from the mind.
(2.) Purifying the craving for existence completely from the mind.
(3.) Purifying the craving for non-existence from the mind.
When these 3 causes are completely purified, one will attain the path to arahantship, to the fruition of arahantship at that time....not too long.
This is why scientists have not yet tried to adjust their own principles to the cause and effect as follows:
The same cause:
1. Craving for sensual desires
2. Craving for existence
3. Craving for non-existence It is the cause that harms us, harms us because we are infatuated with these 3 causes, leading to the bad result, which is suffering, the Noble Truth of Suffering, which is suffering due to these 3 cravings.
4.
In terms of good results
It can free us in only one way: we must not compromise it at all. We must kill all 3 of those desires, release them from our soul completely. If we do not kill them, they will not release us. And when we kill them and they die completely, we immediately receive the result of becoming an Arahant. This is the matter of cause and effect.
-----
You must practice the Noble Eightfold Path, each point, directly. Each point
For example, practice the Noble Eightfold Path, Samma Sankappo, contemplation, analysis, and criticism of the inner part, the mind in the Dhamma, the body, speech, and mind, all the time. Do not abandon it until you know clearly, which is the cause and effect. Then you will immediately become an Arahant.
Even if you do Samma Sankappo, which is making the body, speech, and mind pure, clean, and honest in every situation, even if there are any bad events that come to obstruct, do not give up. We firmly affirm the principles of our body, speech, and mind to be firm and constant, never doing wrong or evil. Do only good, even with life. That is, think as you think, speak as you do, and do as you think and speak. If not, be careful not to think or speak, it will reduce the goodness, not matching. That is Samma Sankappo. Always think, ponder, research and criticize with the mind without abandoning at all times, think of Dhamma all the time. The personality will be a thinker, a peacemaker, calm because thinking of Dhamma in the mind without ceasing. Must ponder to see cause and effect and act in accordance with the truth through all the time. Then accumulate enough to attain Arahantship.
-----
Samma Ajjivo Right occupation For all people, always do right occupation, always work hard, but must be honest, must not cheat, must not take advantage of others, must be diligent to do by yourself, your own energy, do honest occupation, do not think greedy because of cheating, wanting wrong things, do not do it all the time, do not succumb to greed, anger, delusion, be careful all the time. And what is right is to understand the King's Sufficiency Economy. In the end, goodness will accumulate enough to be rich. And at the same time, at the same time, attain the Noble Truths. This is how to get both worldly and spiritual things at the same time. By holding the principle of Right Livelihood + Right Effort, always diligent, this is how you can become rich along with attaining Arahantship.
Right Effort, the principle is to completely eliminate all laziness in your mind. Only diligence is left and you can attain Sotapanna. Be diligent, diligent, diligent, train your children to be diligent, no matter what they are diligent in, to eliminate laziness. That will result in both worldly and spiritual results. We think that an example is Lalisa Blackpink. The peak of diligence until she succeeded in her career and became famous in the world, great in both worldly and spiritual realms, because of true diligence.
-----
Right Concentration, Concentration means being brave, being brave to fight against evil, and standing firm in not giving up to wrong things, or not doing evil, doing only good things, and being careful with your heart, being brave, brave to fight against evil, evil people, evil things. The mind must be strong all the time. When the mind is strong, it means that there is only one path to prosperity. Keep aiming at goodness, and finally you will reach the edge of the noble path, enter the noble results, that’s all, in this life, right now, no need to think about the next life.
-----
Right mindfulness, mindfulness, look at what you are doing in the present. As for right view, what you must understand and maintain all the time is the attainment of the path and the results of nirvana, Sotapanna, to Arahantship, we must do it ourselves. No one can do it for us, as the Buddha said, you must do it yourself, walk by yourself. I only show you the way. If you don’t walk by yourself, you won’t reach it. The reason is that when we make merit or sin, it goes straight to our heart, the doer, without anyone putting it in for us. It goes in by itself. The result of goodness is ours, not others. It goes into our heart, not others. Others can’t put their goodness in our hearts, they put it in their hearts as well. Therefore, we must understand that we must do good ourselves. Goodness will accumulate in our hearts continuously because we accumulate it ourselves. No one puts it in for us. Therefore, doing good, putting goodness in our hearts, is each person’s own business. If we don’t put goodness in, there will be no more goodness. By relying on others, you will miss the path and the results for the rest of your life. Therefore, you are your own refuge. In this matter, we must also understand other theistic religions. Whatever God does for you, it is in accordance with this rule. The rule is that you are your own refuge. Even God cannot be relied on. The reason God will give you goodness is because they do not understand the truth about the path and the results of Nirvana. You have to do it yourself. Therefore, the right view, in concrete form, means that we must not believe in any other religions. Christianity, Islam, Hinduism cannot be relied on. They cannot help anyone to attain the path and the results of Nirvana, the path and the results of Arahantship. People who attain it must attain it through their own true wisdom and enlightenment. This is the direct principle of right view.
5.
The story of scientists in this era, or in general, people in this technological era....that is, modern people, 8 billion lives in the world, 138 languages today....are good at practicing Buddhism and have a great advantage in that they have actually applied the Dharma to practice and experiment in their daily lives, in their careers, like scientists, for example, they have come up with the topic of meditation, to the point where they can come up with exciting scientific conclusions. Even children and youth in modern countries in superpowers, or even Islamic countries, can still enter meditation to the initial Upacara Samadhi level in their entire schools. However, it has been noted that they have still had the chance to experience being an Ariya...according to the highest principles of Ariyas above the world in Buddhism.
For example, laymen who are strict in Dharma, reaching the Sotapanna Magga, normally must be able to walk through all 4 levels of Jhana.....walking up and down from the First Jhana to the Fourth Jhana, and then walking down from the Fourth Jhana to the First Jhana....can do it normally for those who are strict in Dharma to the Sotapanna Magga. (That is, he did it during his resting and sleeping time normally, entering into a state of meditation, going up and down like that throughout the day.) ... According to the scriptures, there are 1. First Jhana (the initial Jhana of those who have morality) 2. Second Jhana (the second Jhana of those who have morality) 3. Third Jhana (the third Jhana of those who have morality) 4. Fourth Jhana (the fourth Jhana of those who have morality). As for the noble ones who are higher than the Anagami level, they will walk in meditation, starting from the level of meditation in order, starting from Kanika Samadhi, beginning - middle - high, Upacara Samadhi, beginning - middle - high, to the level of Appana Samadhi, starting with 6 - 7 levels, going up and down at 6 - - levels. ...... They are already Arahants, so they do not have to do these Jhanas + Samadhi because they have descended to the state of ordinary people (highest to ordinary people). Looking at them with inner wisdom, they will know them. (Like the Buddha entering nirvana, entering 4-5 levels of dhyana, and finally coming down to nirvana from the first level of dhyana only)
The reason I am telling this story is so that scientists can observe, that is, be careful not to conclude anything easily until you have proven it for real... This is because it appears that scientists today have found exciting things on the path of Buddhism that are going deeper and deeper every day. However, they may still neglect the issue of being a Buddha, being an Arahant in truth. And if they still do not understand, one day they may reject the principle of the path and the fruits in Buddhism.
For example, today
Scientists have mentioned the word "imagination" and they seem to have found the truth that imagination is the highest truth in religion, in terms of mysteries in magic, sorcery, and all kinds of spiritual worlds. In other words, it is the answer to all the problems of world religions today....with the word imagination.
However, imagination actually has many levels. What levels are these? This is what scientists still need to study to find the truth.
And the highest level that scientists seem to have found....still cannot lead to attaining Arahantship. This is what scientists will think. And don't conclude that the imagination that scientists have found today is the highest.
Otherwise, it would be careless and a pity that these scientists should have easily achieved the path to the level of an Arahant, but would have overlooked it with a lack of understanding and not seen the truth. Regarding the level of imagination... Raising the level of imagination to the highest level, which is the level of an Arahant, the level of a Buddha, should not be easy.
At least, you should look at this person first, Albert Einstein. Listen to his words that "Buddhism is the only religion for the world and the universe."
When talking about these matters, it is quite profound. Only the level of an Arahant, a Buddha, can explain it to you.
Please wait for the next episode.
***** December 9, 2024 7:00 p.m.
เอาลง 138 ภาษาโลกแล้ว
โปรดคลิกขวามือทั้งหมดนี้ก็เป็นภาษาของท่านแล้ว
อยู่มุมไหนของโลกเลือกภาษาได้เลยแค่กดปุ่ม
นาธรรม
เรากำลังหว่านเม็ดพันธุธรรมแห่งพระพุทธศาสนาลงในนาธรรมทั่วโลก
แด่ประชาชน 8,000 ล้านชีวิต ได้พบ ได้ดื่ม ได้กิน ได้ชีวิตใหม่
ใครจะเป็น visiter คนที่ 100,000 ของ .com ?
NBE ต้นฉบับ อริยสัจธรรมภาษาไทย เพื่อการแปลสู่ทุกภาษาโลกยุคใหม่
เผยแผ่กว่า 44 ภาษาโลกมนุษย์นี้ ณ 8 ม.ค.2564 แล้วเพิ่มเป็น 64 ภาษา
แล้ววันนี้ 26 ต.ค.2565 เราเพิ่มการเผยแผ่ไปครบ 138 ภาษา
ที่กูเกิลสามารถแปลไปได้เต็มอัตราทุกภาษาในโลกนี้ครอบประชาชนโลก 7.6 พันล้านคน และ
ครั้น 16 พ.ย.2565 เวลา 02.08 น.พลโลกเกิดมาครบ 8 พันล้านคน
นั้นคือเป้าหมายของการทำประโยชน์ของพระพุทธศาสนายุคนี้ โปรดติดตามเราไปพร้อมกัน
นำพุทธศาสนธรรมครอบโลกทั้งโลก เพื่อโลกทั้งโลก พ้นทุกข์
-----
สถิติประชาชนโลก138ภาษา เข้าเยี่ยมชม
BUDDHISM to the NEWWORLD ERA
เริ่ม 8 ม.ค. 2564-14 พ.ค. 2566 -7 ก.ค. 2566 ประชากรโลก 8 พันล้านคน138 ภาษาโลก
ชื่อ File (Static URL) ผู้เข้าชม
10ธค65/26กพ66/14พค66/10มิย66/22มค67/18มิ.ย.67
BUDDHISM to the NEW WORLD ERA (P)
1399 1468 1516 1562 1850 1952
1.Thai-ไทย (P)
1064 1128 1185 1212 1377 1486
2.English-อังกฤษ (P)
790 855 908 935 1098 1206
3.China-จีน (P)
969 1061 1106 1129 1290 1383
4.Hindi-อินเดีย (P)
958 1047 1091 1115 1267 1347
5.Russia-รัสเซีย (P)
978 1059 1108 1134 1273 1366
6.Arab-อาหรับ (P)
918 981 1023 1043 1184 1270
7.Indonesia-อินโดนีเซีย (P)
890 953 995 1017 1154 1251
8.Japan-ญี่ปุ่น (P)
644 695 793 758 913 1001
9.Italy-อิตาลี (P)
561 611 660 688 841 938
10.France-ฝรั่งเศส (P)
559 605 647 671 820 906
11.Germany-เยอรมัน (P)
615 668 712 734 889 977
12.Africa-อาฟริกา (P)
567 614 657 681 820 909
13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน (P)
573 622 666 684 823 912
14.Bosnian-บอสเนีย (P)
573 620 664 681 845 928
15.Cambodia-เขมร (P)
553 599 642 664 818 899
16.Finland-ฟินแลนด์ (P)
595 644 691 715 881 967
17.Greek-กรีก (P)
520 568 614 634 773 858
18.Hebrew-ฮีบรู (P)
525 570 616 637 766 851
19.Hungary-ฮังการี (P)
515 561 600 621 756 842
20.Iceland-ไอซ์แลนด์ (P)
486 529 568 588 731 817
21.Ireland-ไอร์แลนด์ (P)
485 531 569 588 710 793
22.Java-ชวา (P)
495 539 578 596 709 792
23.Korea-เกาหลี (P)
505 546 589 606 730 811
24.Latin-ละติน (P)
480 521 557 575 722 808
25.Loa-ลาว (P)
528 571 610 627 756 841
26.Luxemberg-ลักเซมเบิร์ก (P)
503 548 582 602 717 805
27.Malaysia-มาเลย์ (P)
488 529 571 590 744 827
28.Mongolia-มองโกเลีย (P)
485 524 560 576 720 800
29.Nepal-เนปาล (P)
494 537 576 592 731 812
30.Norway-นอรเวย์ (P)
515 562 606 631 787 884
31.persian-เปอร์เซีย (P)
491 536 575 593 713 800
32.โปแลนด์-Poland (P)
496 540 583 600 730 812
33.Portugal- โปตุเกตุ (P)
509 554 592 613 778 863
34.Romania-โรมาเนีย (P)
506 554 592 609 735 819
35.Serbian-เซอร์เบีย (P)
460 502 539 561 697 773
36.Spain-สเปน (P)
514 560 595 628 735 815
37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา (P)
525 573 611 628 757 840
38.Sweden-สวีเดน (P)
487 528 565 580 706 785
39.Tamil-ทมิฬ (P)
509 554 593 609 758 835
40.Turkey-ตุรกี (P)
476 519 557 583 718 794
41.Ukrain-ยูเครน (P)
485 527 560 574 677 760
42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน (P)
479 522 562 584 708 798
43.Vietnam-เวียดนาม (P)
474 513 543 559 679 761
44.Mynma-พม่า (P)
432 472 501 519 643 732
-----
สถิตติเริ่ม 26 พ.ค. 2565 ประชากรโลก 7.6 พันล้านคน 64 ภาษา
-----
45.Galicia กาลิเซียน (P)
221 260 286 306 433 508
46.Kazakh คาซัค (P)
215 256 283 301 439 509
47.Kurdish เคิร์ด (P)
200 242 268 290 435 510
48. Croatian โครเอเซีย (P)
212 251 279 296 412 483
49.Czech เช็ก (P)
216 251 281 297 390 465
50.Samoa ซามัว (P)
226 272 307 328 448 529
51.Nederlands ดัตช์ (P)
207 246 277 299 428 504
52 Turkmen เติร์กเมน (P)
208 247 273 294 460 539
53.PunJabi ปัญจาบ (P)
205 246 278 301 434 513
54.Hmong ม้ง (P)
210 246 274 293 419 494
55.Macedonian มาซิโดเนีย (P)
215 252 280 297 411 483
56.Malagasy มาลากาซี (P)
216 254 281 300 458 538
57.Latvian ลัตเวีย (P)
223 256 283 302 428 505
58.Lithuanian ลิทัวเนีย (P)
212 250 280 297 391 475
59.Wales เวลล์ (P)
212 250 278 298 428 499
60.Sloveniana สโลวัค (P)
199 235 262 276 412 487
61.Sindhi สินธี (P)
206 249 278 294 418 492
62.Estonia เอสโทเนีย (P)
195 237 263 278 412 489
63. Hawaiian ฮาวาย (P)
211 244 271 288 393 492
64.Philippines ฟิลิปปินส์ (P)
199 238 265 288 387 466
-----
สถิติเริ่มวันที่ประชากรโลกครบ 8,000 ล้านคน
วันที่ 16พ.ย. 2565-วันนี้ 10ธ.ค. 2565 138 ภาษา
-----
65.Gongni-กงกนี (P)
58 88 116 135 246 307
66.Guarani-กวารานี (P)
45 77 101 120 216 286
67.Kanada-กันนาดา (P)
37 71 95 160 223 297
68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต (P)
28 59 84 99 240 312
69.Crio-คริโอ (P)
30 71 99 112 227 302
70.Corsica-คอร์สิกา (P)
30 63 86 100 230 301
71.คาตาลัน (P)
25 58 85 98 218 295
72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา (P)
25 60 85 101 205 277
73.Kirkish-คีร์กิช (P)
25 59 83 102 198 265
74.Gujarat-คุชราด (P)
25 61 86 107 226 292
75.Quesua-เคซัว (P)
27 66 92 109 231 310
76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี) (P)
26 55 80 93 223 299
77.Kosa-โคซา (P)
21 53 78 101 215 287
78.Georgia-จอร์เจีย (P)
26 58 85 103 212 283
79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ) (P)
24 54 79 97 224 298
80.Chicheva-ชิเชวา (P)
25 56 86 102 233 303
81.Sona-โซนา (P)
24 55 79 93 205 268
82.Tsonga-ซองกา (P)
33 67 90 102 201 271
83.Cebuano-ซีบัวโน (P)
31 70 97 110 262 335
84.Shunda-ชุนดา (P)
26 57 79 99 248 321
85.Zulu-ซูลู (P)
25 58 83 98 224 298
85.Zulu-ซูลู (P)
32 66 93 108 226 310
86.Sesotho-เซโซโท (P)
32 68 91 107 224 290
87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ (P)
26 59 81 102 210 282
88.Somali-โซมาลี (P)
26 59 82 96 188 263
89.History-ประวัติศาสตร์ (P)
26 64 87 103 208 276
90.Divehi-ดิเวฮิ (P)
25 58 79 98 209 284
91.Denmark-เดนมาร์ก (P)
25 56 79 98 237 307
92.Dogry-โดกรี (P)
28 62 85 103 211 278
93.Telugu-เตลูกู (P)
26 57 78 91 202 283
94.bis-ทวิ (P)
29 56 83 97 201 269
95.Tajik-ทาจิก (P)
24 51 82 97 197 267
96.Tatar-ทาทาร์ (P)
23 60 75 98 213 286
97.Tigrinya-ทีกรินยา (P)
28 56 82 98 231 298
98.check-เชค (P)
23 64 80 97 209 281
99.Mambara-มัมบารา (P)
29 53 88 111 222 298
100.Bulgaria-บัลแกเรีย (P)
23 50 74 87 187 258
101.Basque-บาสก์ (P)
23 50 71 88 201 272
102.Bengal-เบงกอล (P)
24 51 73 87 219 291
103.Belarus-เบลารุส (P)
28 57 81 99 187 264
104.Pashto-พาชตู (P)
28 66 91 105 244 316
105.Fritian-ฟริเชียน (P)
22 55 81 101 212 286
106.Bhojpuri-โภชปุรี (P)
23 55 76 90 188 253
107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี) (P)
23 55 75 90 212 281
108.Maltese-มัลทีส (P)
24 54 79 97 192 257
109.Marathi-มาราฐี (P)
28 56 81 96 198 267
110.Malayalum-มาลายาลัม (P)
24 56 78 92 179 243
111.Micho-มิโช (P)
28 55 83 97 186 255
112.Maori-เมารี (P)
27 57 79 92 217 289
113.Maithili-ไมถิลี (P)
24 52 73 92 228 310
114.Yidsdish-ยิดดิช (P)
23 55 78 90 212 279
115.Euroba-ยูโรบา (P)
22 52 75 89 196 264
116.Lingala-ลิงกาลา (P)
26 57 82 105 199 269
117.Lukanda-ลูกันดา (P)
23 56 80 99 190 253
118.Slovenia-สโลวีเนีย (P)
28 60 86 106 270 357
119.Swahili-สวาฮิลี (P)
28 55 79 94 202 267
120.Sanskrit-สันสกฤต (P)
24 55 76 92 199 267
121.history107-history107 (P)
25 56 80 93 187 259
122.Amharic-อัมฮาริก (P)
23 53 77 95 193 264
123.Assam-อัสสัม (P)
23 54 77 92 224 289
124.Armenia-อาร์เมเนีย (P)
24 58 82 97 222 291
125.Igbo-อิกโบ (P)
27 59 81 102 201 276
126.History115-ประวัติ 115 (P)
23 52 76 96 192 264
127.history117-ประวัติ117 (P)
24 54 76 94 193 265
128.Ilogano-อีโลกาโน (P)
28 58 83 106 231 300
129.Eve-อีเว (P)
22 50 75 89 242 314
130.Uighur-อุยกูร์ (P)
23 51 75 97 235 304
131.Uradu-อูรดู (P)
25 57 80 100 241 306
132.Esperanto-เอสเปอแรนโต (P)
23 55 81 101 222 292
133.Albania-แอลเบเนีย (P)
29 59 85 105 232 305
134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา) (P)
23 52 81 98 205 283
135.Oromo-โอโรโม (P)
25 54 79 98 218 286
136.Omara-โอมารา (P)
25 54 81 99 199 271
137.Huasha-ฮัวซา (P)
27 59 86 106 227 300
138.Haitian Creole-เฮติครีโอล (P)
30 60 83 98 184 251
-----
*** แถวที่ 1 สถิติเริ่มเมื่อ 10 ธ.ค. 2565
*** แถวที่ 2 สถิติเริ่มเมื่อ 26 ก.พ. 2566
*** แถวที่ 3สถิติเริ่มเมื่อ 14 พ.ค. 2566
“” แถวที่ 4 สถิติเริ่มเมื่อ 10 มิ.ย. 2566
“” แถวที่ 5 สถิติเริ่มเมื่อ 22 ม.ค. 2567
;’ แถวที่ 6 สถิติเริ่มเมื่อ 18 มิ.ย. 2567
-----
@ สถิติเข้าชม 138 ภาษา 8000 ล้านชาวโลก ก.ค. 2566+ 22 ม.ค. 2567+18มิ.ย.2567
ดีเล่มที 56 ออกมาแล้ว
ดีเล่มที่ 57 ออกมาแล้ว
ดีเล่มที่ 58 ออกแล้ว
นูรียา หรือ น้องวิปัสสนา ผู้กล้าเปิดเผยความจริงหลักอิสลาม
และวัฒนธรรมมุสลิมที่ล้าหลัง เอารัดเอาเปรียบสตรีมุสลิม
และลาลิสา แบล๊คพิ้ง ผู้ทำลายความขี้เกียจหมดไปจากหัวใจในเวลา5 ปีเต็มๆ
กลายเป็นผู้สำเร็จ สร้างผลงานเด่นดังสาวไทยไปทั้งโลก
คำอธิบายจากประสบการณ์จริงพระพุทธศาสนาสู่โลกยุคใหม่
พระพุทธศาสนาสำหรับโลกยุคใหม่
อริยสัจ 4 ข้อที่ 1-4 ทุกข์-สมุทัย-นิโรธ-มรรค
วาทะแห่งสัจธรรม
นำสู่การท่องเที่ยวทางจิตวิญญาณมโหฬารยิ่งใหญ่
เอาลง 138 ภาษาโลกแล้ว
โปรดคลิกขวามือทั้งหมดนี้ก็เป็นภาษาของท่านแล้ว
อยู่มุมไหนของโลกเลือกภาษาได้เลยแค่กดปุ่ม
ภาพวาดจากจินตนาการของศิลปิน ที่บอกถึงศิลป์ สมาธิ และ ปัญญา ระดับสิ้นกิเลส
1.
Thai-English
การเมืองไทย เรื่องร้ายกาจในระดับท้องถิ่น อบจ.อุดรธานี
(เลือกตั้ง 24 พ.ย.2567)
การเมืองไทยระดับท้องถิ่น
ในเมื่อเอาแบบ ประชาธิปไตย มาใช้ แต่ก็สับสนว่าอะไรคือระบอบประชาธิปไตย
ก็อำนาจเป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน นั่นเอง ประชาชนเป็นใหญ่
แต่.....ประชาชนประเทศด้อยพัฒนาการเมือง อย่างเช่นประชาชนในประเทศอันตราย ร้ายกาจรายวัน 4 ประเทศ เฮติ รวันด้า ซีเรีย และไทย ที่มีการนำเอาแบบประชาธิปไตย โดยอำนาจเป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน นั้นเอง เอามาใช้
แต่ประชาชนในประเทศ สาธารณรัฐเฮติ นี้ ซึ่งเป็นประเทศเล็ก ๆเผ่าพันธุ์อาฟริกาดำ ใหญ่ขนาดครึ่งหนึ่งของประเทศไทย ที่ฝรั่งเศสขนเข้ามาแบบทาสดำ จำนวนมาก เอามาเลี้ยงไว้ขายแบบสินค้าชนิดหนึ่ง สินค้าทาสดำราคาดี (เดิมคนทั้งประเทศเฮตินี้เป็นเพียงสัตว์ที่ฝรั่งเศสไล่ต้อนมาจากอาฟริกาใต้ มาเป็นสินค้าทาสดำ ราคาดี เตรียมส่งไปขาย นั่นเอง) จนวันหนึ่งพวกทาสนี้ ตื่นตัวขึ้นมาด้วยความสุดทนโกรธแค้น พากันลุกขึ้นไล่ล้าง ฆ่าคนฝรั่งเศส รวมมาฆ่าหมู่ครั้งใหญ่ ตายไปนับหมื่นคน ประกาศเอกราช
ผู้นำได้ตั้งตนเป็นถึงจักรพรรดิ ....แล้วมีแต่แก่งแย่งอำนาจ แย้งอำนาจการเมืองกันต่อมา ไม่มีความเป็น unity ฝ่ายหัวใหม่ก็ อ้างประชาธิปไตยตนมีเสรีภาพ มีสิทธิมนุษยชน ก็ล้มล้างระบบจักรพรรดิ มาเป็นการเลือกตั้ง มีนายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดี ปกครองมาถึงวันนี้ ...ประเทศไม่เป็นประเทศ ..หากแต่ทาส เผ่าพันธุ์ทาส ก็ปกครองแบบเสรีชนไม่เป็น มีแต่สร้างม็อบของใครของมัน คนแต่ละคนสังกัดม็อบ หรือแก็งค์ ทุกคน ไม่รู้จักคำว่า ประเทศ อธิปไตย ความสงบมั่นคงของรัฐ ...ทุกวันนี้ ประเทศไม่เป็นประเทศ มีแต่ตั้งมอ็บของใครของมัน แต่ละม็อบปกครองกันเอง ใครสั่งไม่ได้ผิดหลักเสรีภาพ
จนเกิดกลุ่มเกิดพรรค เกิดฝ่าย แล้วกลายเป็นม็อบกลุ่มต่าง ๆ ที่เมื่อกลายเป็นม็อบก่อการร้าย ก็เลยเรียกกันว่า แก็งค์ ซึ่งวันนี้ มีทั้งหมด 200 แก็งค์ทั่วประเทศ เฉพาะเมืองหลวงมี 95 แก๊งค์ มีรัฐบาลจึงเหมือนไม่มีรัฐบาล ทำให้เกิดการปกครองแบบ Lawlessness rules in Haiti (การปกครองแบบไม่มีกฎหมายในเฮติ) มาวันนี้มีแต่ฆ่ากันไปวัน ๆตายกันไปเรื่อยๆแบบไม่มีใครกลัวเป็นกลัวตาย จนรวมสัปดาห์ที่แล้ว ตายไป 630 คนแล้ว แบบไม่รู้สึกอะไร ก่อนนั้นับแสน-ล้านศพ ก็อยู่กันมาแบบนี้
นี่แหละพันธุ์ทาสมาทั้งประเทศ จึงปกครองไม่เป็น ยากที่จะเป็นประชาธิปไตยแม้ประกาศตนเป็นประชาธิปไตยถือจริยธรรมสากล ว่า เสรีภาพ(liberty-freedom) เสมอภาค(equality) และภราดรภาพ(fraternity) แต่ทำไม่เป็น ปกครองไม่เป็น ตามใจตนอยากทำอะไรแก้แค้น โกรธใครก็ทำไปแบบว่ามีเสรีภาพ
เลยเป็นเรื่องประหลาดที่มีในโลกยุคนี้ วันนี้ แต่น่าสนใจที่ดูจะคล้าย ๆ ประเทศไทยนี่เอง มีม็อบเกลื่อนประเทศมาตลอด แม้ม็อบเทกนิคใหม่ ที่เรียกว่าม็อบรถยนต์ รวมกลุ่มรถยนต์ออกมาเดินขบวน ยึดครองถนนหนทางต่อต้านขับไล่ฝ่ายรัฐบาลที่ตนเกลียดชัง แล่นไปตามถนนหลวงก็ยังคิดกันขึ้นมาได้ !!!!!ที่น่าคิดว่า ผู้คิดยึดครองปฏิวัติประเทศไทยนั้นน่าคิดทำแผนร้ายนี้ ทำกับประเทศไทยโดยยุทธศาสตร์เฮตินี่เอง
เช่นแก็งค์ “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” แก็งค์ “ฟันเฟืองประชาธิปไตย” แก็งค์“คณะประชาชนปลดแอก” แก็งค์“เยาวชนปลดแอก” แก็งค์ “คณะนักเรียนเลว” ชุมนุมกันเสนอ 10 ข้อเรียกร้องให้ปฏิวัติสถาบันกษัตริย์ โดยเฉพาะให้เลิกมาตราที่ปกป้องคุ้มครองพระมหากษัตริย์ ม.112
ที่พรรคอนาคตใหม่ เพื่อไทย ก้าวไกล ยืนยันจะต้องเลิกล้มระบบกษัตริย์ไทยให้ได้ แม้พรรคก้าวไกล ถูกสั่งยุบพรรคไปแล้ว ทายาทคือพรรคประชาชน ....ก็ยังคงซุ่มวางแผนนี้ต่อมาจนถึงทุกวันนี้
คำว่า สาธารณรัฐ มีความหมายถึง ประชาธิปไตย นั่นเอง คืออำนาจเป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ...ไม่ใช่ทาสแบบทาสประเทศเฮติ
พวกม็อบ ธรรมศาสตร์จะไม่ทน ที่เสนอยกเลิกม.112 ชูสัญลักษณ์ สามนิ้วไปทั่วเมืองไทย หมายถึงปฏิวัติ 1.ชาติ 2.ศาสนา 3.พระมหากษัตริย์...ต่อมาเป็น สามกีบ ที่ต้องการแบบเฮติก็คือ โง่ เข้าใจผิดว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องไม่มีกษัตริย์ ต้องมีประธานาธิบดีของประชาชน เท่านั้น
ฉะนั้น ในการชุมนุม 10 ส.ค.2563 เขาจึงเน้น ไม่ใช่ปฏิรูป แต่ต้องเป็นปฏิวัติ ......ซึ่งอาจารย์ 140คนน่าจะให้ความหมายอันซ่อนเร้นไว้ โดยต้องปฏิวัติ ...หลักรัฐศาสตร์หมายถึง มีการเปลี่ยนระบบเดิมไปหมด สร้างระบบใหม่ขึ้นล้วน ๆ นั่นคือ ล้มล้างระบอบกษัตริย์ลงไปตั้งระบอบประธานาธิบดีขึ้นมาแทน เขาไม่เอาปฏิรูปอย่างแน่นอน เพราะความหมายปฏิรูปแค่ปรับปรุงระบบเก่าๆยังอยู่ ปฏิรูปยังไม่เปลี่ยนระบบเก่า ปฏิรูปหมายถึงแก้ไขเพิ่มเติมระบอบเก่าต่อ อาจารย์ 140 คนจึงเป็นตัวการยุยงส่งเสริม แบบโง่เง่าเต่าตุ่น ให้เปลี่ยนระบบ ล้มระบบกษัตริย์เดิมลงไป ตั้งใหม่เป็นประธานาธิบดี แบบสาธารณรัฐเฮติ มีจักรพรรดิ์มาถึง 2 วงศ์ แต่เนื่องจากไม่เป็นประชาธิปไตย จึงปฏิวัติล้มระบอบกษัตรย์-จักรพรรดิ์ลงหมด....มาเป็นประธานาธิบดี + นายกรัฐมนตรี แทนนั่นเอง และผลร้ายก็เกิดการแตกแยกทั้งแผ่นดินมีฆ่ากันรายวันมากลายเป็นเรื่องอุบาทของโลกยุคนี้ ขณะนี้นั่นเอง พอๆ กับสาธารณรัฐรวันด้า สาธารณรัฐซีเรีย นั่นเอง
ที่เล่านี้ ก็เพื่อให้เห็นว่า โง่เขลาเบาปัญญา ปกครองไม่เป็น จึงเป็นเช่นนี้..........และนักการเมืองไทย ไฉนไม่คิดให้รอบคอบ ประชาธิปไตยไม่ใช่สร้างเสร็จในวันเดียว แค่เขียนรัฐธรรมนูญออกมา ก็เป็นประชาธิไตยทันที นั้น ไม่ใช่เลย โง่หรือเปล่า ????
ในการจะปฏิวัติ ระบบ 3 สถาบัน จากมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มาเป็นสาธารณรัฐไทย ซึ่งซ่อนความหมายว่าต้องล้มกษัตริย์ลงก่อน.....ซึ่งมันก็จะทำประเทศไทย ที่สงบดีอยู่แล้วเป็นเอกราชชาติไทยทั้งแผ่นดินดีอยู่แล้ว ทั้งประเทศแสนจะมีความสงบสุข ยากลำบากก็ช่วยเหลือกันมาตลอดดังครอบครัวเดียวกัน ก็เห็นอยู่ มาวันนี้พวกสามนิ้ว สามกีบจะให้เกิดแตกแยก สลายทางความคิดทางการเมือง กลายเป็นศัตรูกันเองในชาติ ก็จะพัฒนาไปเป็น สาธารณรัฐเฮติ…และแบบประชาธิปไตยซีเรีย วันนี้ นั่นเอง
ทำไมไม่รู้จักคิด ???
*****-----*****
วันนี้ การเมืองไทย ก็ยังคงไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากประชาชนไทยยังคล้าย ๆ ประชาชนรวันด้า ที่วันๆ มีแต่ฆ่าฟันกันตาย ลำดับมาถึงวันนี้กว่า 5 ล้านศพแล้ว
เพราะ
เราไม่เข้าใจการเมือง ถึงไม่ใช่เผ่าพันธุ์ทาส ขี้ข้าเขา เอาไปขายอย่างสินค้าราคาแพง อย่างรวันด้า เฮติ ก็ตาม
ในระบบ อบจ. เป็นการเมืองจังหวัด ขอบเขตการเมืองอยู่ที่จังหวัด เช่นจังหวัดอุดรธานี วันนี้ จังหวัดอื่นคนอื่น ไม่เกี่ยว
การเลือกตั้ง อบจ. นั้นประชาชนจะต้องเข้าใจว่า เป็นเรื่อง อำนาจของประชาชนคนในจังหวัดอุดรธานีเท่านั้น จังหวัดอื่นไม่เกี่ยวเลย ประชาชนอุดรธานี มีอำนาจ มีสิทธิเสรีภาพของตนเอง เพราะเป็นเจ้าของอำนาจ...เป็นนายนักการเมือง จึงเรียกว่า อำนาจเป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน...
****-----*****
แต่วันนี้ดูเหมือนประชาชนไม่ได้เก่งอย่างนั้น
ใครมาจากไหนไม่รู้มาครอบงำอำนาจของประชาชนท้องถิ่นไปหมด…..นั่นแหละ การละเมิดอำนาจการเมืองของประชาชนจังหวัดอุดรธานี ครั้งมโหฬาร
และ
ดูการเลือกตั้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกวันนี้ มีการลงทุนจริง ๆ อย่างที่ไร้เหตุผล นอกจากเรื่องความเห็นแก่ตัว การลงทุนเพื่อแสวงหากำไรต่อไปในการเมือง นั่นเอง คือ ผญบ.- ผู้ใหญ่บ้านจะผ่านการเลือกตั้ง เดิม คนมาเข้าแถวกันเอง แถวใครยาวก็ได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน แล้วกลับไปบ้านใครบ้านมัน คอยฟังเกราะตีเมื่อไรก็ไปประชุมที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน แล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็บอกคำสั่งราชการให้ทราบ ให้ทำ เช่น ผู้ใหญ่ลี แกบอกชาวบ้านว่าทางการให้เลี้ยงสุกรทุกบ้าน ๆ ชาวบ้านก็ถาม ก็ถามว่าสุกรคืออะไร แกก็บอกว่าสุกรนั้นก็หมาน้อยบ้านเรานั่นเอง ...สุกรนั้นไซร้หมาน้อยธรรมดา ๆ
แต่ทุกวันนี้ ประเด็นที่มีการต่อสู้หาเสียงเลือกตั้ง นอกจากปัญหา เงินไม่มากาไม่เป็น...และใช้เงินกันเป็นจำนวนมาก ขายที่ขายทางมาหาเสียง ประมาณแล้ว กว่าแสนห้าหมื่นบาท ต่อผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งเสมอไป จึงผ่านได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ผู้แพ้ก็หมดเนื้อหมดตัวไป ขายบ้านที่ดินยังไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านอีก
ทำไมจึงสู้กันหนักขนาดนั้น ??????
และผลก็คือ เมื่อได้ ผญบ.แล้ว หมู่บ้านเล็ก ๆหมู่นั้น หรือใหญ่ ก็ตาม ...เกิดแตกแยกกันเป็น 2 ฝัก2ฝ่าย ตลอดเวลาต่อมา มองกันด้วยสายตาไม่สบาย ไม่เป็นมิตรเหมือนแต่ก่อน ที่เขาไม่หวังอะไรเลยนอกจากรับใช้ประชาชนจริง ๆ
เพราะนักการเมืองยุคใหม่นี้ไร้สติ ไม่เข้าใจธรรมะปกครองโลก ณ ที่นี้หลัก ภราดรภาพ(fraternity) ของจริยธรรมสากลประชาธิปไตย ที่ท่านจอร์จ วอชิงตันพาทำมาแต่แรก การเลือกตั้งแต่ละครั้งโดยไม่คำนึงธรรมะจึงทำให้แผ่นดินแตกแยกร้าวไปเรื่อยๆ........
ใครต้องการเช่นนี้...นอกจากนักการเมือง พรรคการเมือง ที่คิดปฏิวัติสถาบันเท่านั้น
*****-----*****
ซึ่งนักการเมืองไทยที่เป็นมา92 ปีนั้น มิต่างจากนักการเมืองร้ายรายวันอันตรายในโลกยุคนี้ 4 ประเทศดังกล่าวมานั้นอง
คือโง่เขลาเบาปัญญา ไม่เข้าใจเรื่องสำคัญ 4 เรื่อง คือ
(1.) ความเป็นชาติ ความมั่นคงของชาติดีอย่างไร? จำเป็นอย่างไร ?
(2.) อธิปไตยของชาติ คืออะไร ?
(3.) เอกราชของชาติ คืออะไร ?
(4.) ประวัติศาสตร์แห่งความเป็นมาของชาติไทย อะไรเป็นปัจจัยเหตุ ????? ให้ไทยเป็นไทยอยู่ได้เด่นดังในโลกทุกวันนี้ ?????
เมื่อไม่เข้าใจ บอดโง่เขลา ก็ทำไปด้วยความเห็นแก่ตัว มองอำนาจ ผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นหลัก คิดการใหญ่ หวังได้หวังมีหวังเป็น(ที่พระพุทธเจ้าบอก ภวะตัณหา-วิภวะตัณหานั่นเอง)....คิดแต่จะล้มล้างสถาบัน ตั้งสาธารณรัฐไทย ให้ได้ และเพื่อตนเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐไทย
ตามแผนต้นเลย ก็มีประธานาธิบดีคนแรก คือนายทักษิณชินวัตร รองไปนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และล่าสุด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ .....และวันนี้ นายพิธา ยังทำขึงขัง บอกคนแก่ใกล้ตายที่อุดรว่า อีก 9 ปี พิธาจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง รอเด้อ !!! ....อีก 9 ปีก็แก่แล้ว ยุคหน้า มีแต่คนใหม่หนุ่ม ๆสาวๆเข้ามา แทน พิธาคงล้าหลังไปแล้ว มัวฝันหวานอยู่ได้ !!!
โดยที่ไม่เข้าใจว่า ความรู้ที่ต่ำตื้นนั้นในทางการเมืองนั้น ฆ่าตนเองแท้ ๆ
เช่นพรรคอนาคตใหม่...โง่ ไม่รู้กติกาสากลจริยธรรมประชาธิปไตย เรื่องเงินอุดหนุนพรรคการเมือง .....ทำผิดไปเพราะโง่แท้ๆ ตนเองก็รับว่าโง่อย่างไม่สมควรเอาคนโง่แบบนี้มาสู่วงการเมืองแต่ต้นเลย เป็นผลให้3 หน่อ ธนาธร-พรรณกาวานิช-นางช่อ-นายปิยบุตร แสงกนกกุล กอดคอพากันร้องห่มร้องไห้ออกไปจากรัฐสภาอันทรงเกียรติ ดูน่าสงสารจับใจมาถึงวันนี้
ส่วนนางช่อ ตลอดชีวิตเลย
คงแก่เท่า-แก่เฒ่าไป ไร้สาระแห่งชีวิตไปตลอดชาติเลย .....เพราะแกไม่รู้ศาสนาเลย นั่นเองเพราะถ้ารู้ศาสนาแกก็จะไม่ไปตั้งองค์กรนักเรียนเลว ขึ้นมา พาไปขับไล่รมว.ศธ. เดือนพ.ย.ปี 2563 นั้น
ส่วนนายพิธาลิ้มเจริญรัตน์ โง่เขลาเบาปัญญาเรื่อง สำคัญ ไม่เข้าใจเลยเรื่อง ความเป็นชาติ, อธิปไตยของชาติ, เอกราชของชาติ มหาอำนาจไทย ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใครในยุคอาณานิคม ชนะสงครามโลกมาทั้ง 2 สงครามมาแล้ว…ว่ามันเกี่ยวกับหลักยุทธศาสตร์บก เรืออากาศของชาติไทยเรามาแต่ดั้งแต่เดิมแล้ว...หมอโง่ ๆ คนนี้จึงมีคำถามตลก ๆ ว่ามีทหารไว้ทำไม .....นี่แหละเป็นดีคือ ร้องเพลง เก่ง ออกแอ็กชั่นเก่งถูกใจคนชม ชำนาญเรื่องบาร์ คลับ .......เรื่องเพศ เรื่องการแต่งเนื้อแต่งตัว จนมาออกกม.เพศไปแล้ว ให้คนเพศเดียวกันแต่งงานกันได้
และไทย เป็นแดนเขียวสงบสันติสุขของโลกตามทฤษฎี เศรษฐกิจแบบพอเพียงของในหลวง ร.9 นั้นเอง แม้เรื่องวัฒนธรรมของชาติ ก็เพิ่งแสดงให้โลกรู้ตื่นตะลึง คราวเสด็จทอดพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมาร์ค 7 พ.ย. 2567 นี้เอง
หากไม่เข้าใจว่า มันเป็นผลมาจากสามสถาบัน ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ที่ควบคู่กันมาอย่างเหนียวแน่นมาตลอดนั่นเอง
ตนเองจะมาแก้ไข ม.112 ให้จงได้ จะแบ่งไทยเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอิสลาม ให้ได้ ...ในนาม 3 นิ้ว มาตลอด จนวันนี้เขาให้ว่า สามกีบวัว กระบือ สัญลักษณ์คนโง่ ๆ นั่นเอง
*****-----*****
แล้วศาลรัฐธรรมนูญที่เขาปฏิบัติแบบอำนาจตุลาการสูงสุดของระบอบประชาธิปไตย 1 ใน 3 อำนาจสูงสุดนั้น ...ก็ออกคำวินิจฉัยลงโทษออกมา ตาม คำสั่งศาลรธน. ที่ 3/2567)
“....เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 3/2567 ว่าพฤติการณ์ของผู้ถูกร้องที่เสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันมีเนื้อหาเป็นการลดทอนคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ และใช้เป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งโดยการใช้ประโยชน์จากสถาบันพระมหากษัตริย์
เพื่อหวังผลคะแนนเสียงและชนะการเลือกตั้ง เป็นการมุ่งหมายให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในฐานะคู่ขัดแย้งกับประชาชน ผู้ถูกร้องมีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์หรือทำให้อ่อนแอลง อันนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด การกระทำของผู้ถูกร้องจึงเข้าลักษณะการกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกด้วย เมื่อพรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชนที่มีความสำคัญในระบอบประชาธิปไตย “
นั่นเป็นเหตุผล ยุบพรรคก้าวไกล .....มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์หรือทำให้อ่อนแอลง อันนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด การกระทำของผู้ถูกร้องจึงเข้าลักษณะ การกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกด้วย......
ไล่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์และกรรมการพรรคไป 10 ปี
*****-----*****
ที่ประชาชนคนไทยน่าจะมองดู อ่านคำวินิจฉัยให้เข้าใจ ในความผิดสาหัสฉกรรจ์ ระดับโทษกบฏแผ่นดินเลยที่เดียว
เรื่องม.112 ที่พรรคก้าวไกลและนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ต่อสู้แบบไม่ยอมถอยมาตลอด จนกระทั่งถูกยุบพรรคไปแล้ว ตนเองถูกไล่ออกจากวงการเมืองไป10 ปี แล้ว ก็ยังคงยืนยันงาน ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และรวมทั้งพรรคประชาชน พรรคใหม่สำหรับพวกก้าวไกลเดิมพวกด้อมส้ม มีนาย ณัฐพงษ์.............คนบ้องส์ ๆ หน.พรรคนี้ ก็ประกาศเดินตามนโยบาย แก้ม.112 ต่อไปอีก...ออกกม.นิรโทษผู้ทำผิดม.112 ต่อไปอีก ก่อกวนไปไม่รู้จบสิ้น ทั้ง ๆ ที่นโยบายเดิมเป็นเหตุให้ยุบพรรคไปแล้ว ก็ยังสร้างหตุอันเดิม ก็จะส่งผลอันเดิมต่อไปอีก ....หากไม่สารภาพบาป แน่นอนตายไปย่อมลงนรกไม่มีวันหมดโทษเลย
นี่แหละสิ่งที่ประชาชนไทย ผู้มาสู่ยุคเสรีชน เจ้าของประชาธิปไตย ในนาม อำนาจเป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ....จะได้ทำการศึกษาได้ความรู้จริง ในหลักการประชาธิปไตยที่แท้
เข้าใจประชาธิปไตยแบบถูกต้อง ปฏิบัติไปถูกต้อง .....
แบบผิดก็พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล เพื่อไทย นั้นเอง
ที่ไม่เข้าใจคำว่า สาธารณรัฐ กับประชาธิปไตย เป็นความหมายเดียวกัน
คือประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น ......ก็เป็นประชาธิปไตยเต็มตัวได้ ทำไม?...ไม่เข้าใจหรือ? อย่างอังกฤษ ก็ดูบ้างสิ
*****-----*****
และ รธน.60 ก็รับรองไว้แล้ว (ดูเรื่องอำนาจสูงสุดทั้ง3 สถาบันของประชาชน)
แล้วไปดู
(1.) พระราชดำรัส ในโอกาสที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ประธานศาลปกครองสูงสุด(นายอักขราทร จุฬารัตน) นำตุลาการศาลปกครองสูงสุดเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ ณ พระราชตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล วันอังคารที่ 25เมษายน 2549
(2.) พระราชดำรัส ในโอกาสที่ประธานศาลฎีกา (นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ) นำผู้พิพากษาประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม เฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ ณ พระราชตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล วันอังคารที่ 25เมษายน 2549
ซึ่งบอกความหมายว่า ร.9 องค์พระมหากษัตริย์เอง ทรงรอบรู้ประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ กษัตริย์ไทยไม่เกี่ยวกับการเมืองแล้ว ทรงเตือน ฝ่ายตุลาการณ์ว่า เขาให้ทำหน้าที่ ตุลการอย่างเด็ดขาดอยู่แล้ว ตามหน้าที่ที่ผู้ทรงอำนาจตุลาการสูงสุด คือ ประชนไทยเจ้าของอำนาจการเมืองไทยวันนี้ มอบให้ อย่ามาเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์....คือที่เราทั่วไปรู้อยู่ว่า ทรงอยู่เหนือการเมือง นั่นเอง อันเป็นการที่ยกยอพระองค์ว่าทรงเลิศล้ำทางจริยธรรมการเมืองประชาธิปไตยอยู่แล้ว
เพียงแต่พวกคิดแก้ รธน.60โง่เขลา ในทางการเมืองจริง ๆ จนคิดผิดไปว่า ประชาธิปไตยนั้น คือต้องปฏิวัติไทยจากประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปเป็นสาธารณรัฐไทย ให้จงได้
มีประธานาธิบดี + นายกรัฐมนตรี จึงเป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง ....??????
จึงจะชื่อว่า ประชาธิปไตยไทยเต็มตัว
นั้นคือ ต้องล้มระบอบพระมหากษัตริย์ไทยลงให้ได้ นั่นเอง
แบบที่อาจารย์ รองศาสตราจาย์ ศาสตราจารย์ มธ. – ม.ค-+มหาวิทยาลัยทั้งประเทศ 140 กว่าคน หนุนหลัง ให้ความรู้ผิด ๆ มาปฏิบัติจนถึงวันนี้
อันเกิดจากสติปัญญาไม่เต็มพอรู้จักระบอบประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง นั่นเอง ทำผิดเป็นถูกทำถูกเป็นผิดมาถึงทุกวันนี้
และ
คนที่คิดผิดไปเช่นนี้ ก็ยังออกมาทำบทบาททางการเมือง อบจ อุดรธานีอยู่ได้ ไม่มีความละอายใจอยู่เลย ไม่ดู โจ ไบเดน ที่ลาออกเพราะบริหารให้มีละเมิดสิทธิคู่แข่ง โดนัล จอห์น ทรัมป์ จนมีการลอบสังหารขึ้นได้ เขาละอายใจเรื่องปกป้องการละเมิดสิทธิคู่แข่งของเขาไม่ได้ เลยลงโทษตัวเองด้วยการลาออกจากแคนดิเดทของพรรครีพับลิกเสีย
นั้น ประชาชนต้องมองดู จะให้คนคิดล้มล้างการปกครอง ล้มล้างสถาบันทั้ง 3
“....มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์หรือทำให้อ่อนแอลง อันนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด การกระทำของผู้ถูกร้องจึงเข้าลักษณะ การกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกด้วย......”
*****---*****
ดู .....ข้อเสนอปฏิวัติสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อ เมื่อ 10 ส.ค. 2563 รายละเอียดข้อเสนอ 10 ข้อ เพื่อปฏิวัติสถาบันกษัตริย์ประกอบด้วย
(1.) ยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ ที่ว่าผู้ใดจะกล่าวหาฟ้องร้องกษัตริย์มิได้ แล้วเพิ่มบทบัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถพิจารณาความผิดของกษัตริย์ได้ เช่นเดียวกับที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับคณะราษฎร
(2.) ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมถึงเปิดให้ประชาชนได้ใช้เสรีภาพแสดงความคิดเห็นต่อสถาบันกษัตริย์ได้ และนิรโทษกรรมผู้ถูกดำเนินคดีเพราะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ทุกคน
(3.) ยกเลิก พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2561 และให้แบ่งทรัพย์สินออกเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการคลัง และทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่ของส่วนตัวของกษัตริย์อย่างชัดเจน
(4.) ตัดลดงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรให้กับสถาบันกษัตริย์ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
(5.) ยกเลิกส่วนราชการในพระองค์ หน่วยงานที่มีหน้าที่ชัดเจน เช่น หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ให้ย้ายไปสังกัดหน่วยงานอื่น และหน่วยงานที่ไม่มีความจำเป็น เช่น คณะองคมนตรี ให้ยกเลิก
(6.) ยกเลิกการบริจาคและรับบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลทั้งหมด เพื่อกำกับให้การเงินของสถาบันกษัตริย์อยู่ภายใต้การตรวจสอบทั้งหมด
(7.) ยกเลิกพระราชอำนาจในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะ
(8.) ยกเลิกการประชาสัมพันธ์และการให้การศึกษาที่เชิดชูสถาบันกษัตริย์แต่เพียงด้านเดียวจนเกินงามทั้งหมด
(9.) สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสังหารเข่นฆ่าราษฎรที่วิพากษ์วิจารณ์หรือมีความเกี่ยวข้องใดๆ เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์
(10.) ห้ามมิให้ลงพระปรมาภิไธยรับรองการรัฐประหารครั้งใดอีก
*****-----*****
คนที่มองคับแคบเชิงปัญญา รัฐศาสตร์ ไม่รู้อะไรทางการเมืองไทยเลย ตั้งแต่อาจารย์ถึงศาสตราจารย์ ถึงนักกาเมืองมือเก่ามือใหม่ จะมาคิดปกครองประเทศได้อย่างไร ... ในเมื่อโง่เขลาต่อความจริงต่อไปนี้ คือ
1. ความเป็นชาติไทย มีมานานนับพันปีคู่คนไทยได้อย่างไร ???
2. อธิปไตยของชาติไทยนับพันปีมาชาติไทยชาวไทยมีอำนาจการปกครองตนเองมาตลอด ไม่เคยเป็นขี้ข้าเมืองขึ้นของอาณานิคมใดเลย หนึ่งในโลก ...อย่างสาธารณรัฐเฮติ-รวันด้า สาธารณรัฐซีรีย เลย
3. เอกราชของชาติไทย ประวัติศาสตร์แห่งความเป็นเอกราชชาติไทยมาตลอด นั้น อะไรเป็นปัจจัยเหตุ ให้ไทยเป็นไทย เอกราชชาติไทยมหาอำนาจหนึ่งในโลกได้มาจนถึงวันนี้ ?
วันที่มีเสด็จทอดพระกฐินพยุหยาตราทางชลมาร์ค 27 ต.ค.2567 อันยิ่งใหญ่มหัศจรรย์เหนือโลกทั้งโลก ที่ทรงความหมายสูงสุดสามสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นั้นเอง
คนเนรคุณเท่านั้น มองข้ามความจริงนี้
และนั่นแหละ ไม่สมควรอยู่แผ่นดินนี้เลย
และ
นายทักษิณ ชินวัตร มาประกาศนโยบายพรรคเพื่อไทยโดยตรงแทนลูกสาวแพทองธาร ชินวัตร นรม. เสมือนตนเป็นหน.พรรค เป็นนรม.แทนลูกสาวเลยนั้น เช่นนโยบายแจกเงินผู้ชราภาพอายุเกิน60 ปี คนละ 10,000 บาทอีกรอบหนึ่ง และนโยบายปราบปรามยาเสพติดแบบเด็ดขาด รวมทั้ง ปัญหาน้ำประปาในจังหวัดอุดรธานี
นี่ก็ทำได้อย่างไร ?
ในเมื่อตนเป็นคนภายนอก เท่ากับแทรกแซง ทำไหน้าที่หน.พรรคเพื่อไทย และ นายกรัฐมนตรีไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยตรงไปเลย
อนึ่ง
ประชาชนไทย เป็นเจ้าของอำนาจตัวจริง น่ามองดูบ้าง
การเมืองไทยวันนี้ ทักษิณติดผู้นำเลวสุดในโลกยิ่งลักษณ์อันดับ2ของเวบ topten.com
ดูข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ 16 ม.ค. 2014 เวลา 14:57 น.
ทักษิณติดผู้นำเลวสุดในโลกยิ่งลักษณ์อันดับ2
ผลโหวตเว็ปไซต์ต่างประเทศ "ทักษิณ"ติดผู้นำเลวสุดในโลก "ยิ่งลักษณ์"ตามติดอันดับ 2 เขี่ย "ฮิตเลอร์"หล่นมาเป็นอันดับ 3 "ฮุนเซน"อันดับ 4
นี่คือข้อมูลที่บ่บอกจริยธรรมนักการเมือง นั่นเอง
แน่ละประชาชนผู้รักความเป็นธรรม รักประชาธิปไตย รู้ การเมืองทุกระบอบต้องมีธรรมะจึงจะไปรอด
ไม่อาจจะมองดูเฉยเมยได้
เพื่อรักษาจริยธรรม ความเป็นธรรม ของระบอบประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไทย มาตรฐานสากล นั่นเอง
*****สุไงปาดี ชินกุล, ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์, บัวระย้า ชบาบุณเสฏฐ์
17 พ.ย. 2567 02.40 น.
*******
@ การเมืองไทย เรื่องร้ายกาจในระดับท้องถิ่น อบจ.อุดรธานี
*****-----*****
Thai-English
Thai politics, local evil stories, Udon Thani Provincial Administrative Organization
Local Thai politics
When using the democratic model, but there is confusion about what is a democratic system
Well, the power belongs to the people, by the people, and for the people. The people are the sovereign.
But.....the people of underdeveloped political countries, such as the people in 4 dangerous, evil countries, Haiti, Rwanda, Syria, and Thailand, have used the democratic model, where the power belongs to the people, by the people, for the people.
But the people of the Republic of Haiti, which is a small country of African blacks, half the size of Thailand, were brought in by the French as slaves in large numbers, raised and sold as a type of product, black slave products with good prices (originally, all the people in Haiti were just animals that the French had driven from South Africa to be black slave products with good prices, ready to be sent to sell). Until one day, these slaves woke up with anger and could not stand it any longer, they rose up and chased and killed the French, together killing a large mass, killing tens of thousands of people, declaring independence.
The leader has appointed himself as the emperor. ....then there is only the struggle for power, the political power is contested, there is no unity. The new faction claims democracy, they have freedom, human rights, so they overthrow the imperial system, they have elections, they have prime ministers, presidents, they rule until today...the country is not a country...but slaves, slave races, they are not ruled as free people, they only create their own mobs, each person belongs to a mob or gang, everyone does not know the word country, sovereignty, the stability of the state...today, the country is not a country, there are only their own mobs, each mob rules itself, no one can order, it is against the principle of freedom.
Until groups, parties, factions, then they become various mobs, which when they become terrorist mobs, they are called gangs. Today, there are 200 gangs all over the country, with 95 gangs in the capital alone. There is a government, so it is like there is no government, which leads to the rule of lawlessness rules in Haiti. Today, there is only killing each other every day, dying continuously without anyone being afraid of dying. Until last week, 630 people have died, without any feeling. Before that, there were hundreds of thousands to millions of corpses, and we have been living like this.
This is the breed of slaves in the whole country, so they cannot be governed. It is difficult to be a democracy even though they declare themselves to be a democracy with universal ethics of freedom (liberty-freedom), equality (equality) and fraternity (fraternity), but they do not know how to do it, do not know how to govern, do whatever they want to do, get revenge, be angry at anyone, just do it like they have freedom.
So it is a strange thing that exists in the world today. But it is interesting that it seems similar to Thailand itself. There are mobs all over the country all the time. Even the new mob technique called the car mob, gathering groups of cars to march, occupy the streets to resist and drive out the government that they hate, driving along the highway, they still think of it!!!!! It is interesting to think that those who think of seizing and revolutionizing Thailand must have thought of this evil plan. They did it to Thailand using the Haitian strategy.
For example, the gang "Thammasat will not tolerate", the gang "Democracy Gear", the gang "People's Liberation Party", the gang "Youth Liberation Party", the gang "Bad Students" gathered to propose 10 demands to revolutionize the monarchy. In particular, to abolish the section that protects the monarchy, Section 112
The Future Forward, Pheu Thai, and Move Forward parties insist that they must abolish the Thai monarchy. Even though the Move Forward Party has been ordered to dissolve, the successor is the Prachachon Party.... They still secretly plan this to this day.
The word republic means democracy. That is, the power belongs to the people, by the people, for the people...not slaves like slaves in Haiti.
The Thammasat mob will not tolerate those who proposed to abolish Section 112, raising the three-finger symbol throughout Thailand, meaning revolution of 1. Nation 2. Religion 3. King...later it became the three-finger salute. Those who want it like Haiti are stupid and misunderstand that true democracy must not have a king, but must have a president of the people only.
2
Therefore, in the rally on August 10, 2020, he emphasized, not reform, but revolution... which the 140 professors probably gave a hidden meaning, that it must be revolution... The principle of political science means changing the old system completely, creating a new system entirely, that is, overthrowing the monarchy and establishing a presidential regime instead. They definitely do not want reform because the meaning of reform is only to improve the old system. Reform does not change the old system. Reform means to amend and add to the old regime. The 140 professors are therefore the instigators, stupidly promoting, to change the system, overthrowing the old monarchy and establishing a new president, like the Republic of Haiti, which has had 2 emperors. But because it is not democratic, they overthrew the monarchy and emperor regimes... to be the president + prime minister instead. And the bad results are the division throughout the country, killing each other every day, which has become a scourge of the world in this era, right now, just like the Republic of Rwanda, the Republic of Syria.
I am telling this story to show that stupidity, stupidity, and inability to govern are like this... and why don't Thai politicians think carefully? Democracy is not built in a day. Just writing a constitution immediately becomes a democracy. Isn't that right? Are you stupid????
In order to revolutionize the 3-institution system from having the King as the head of state to becoming a Thai republic, which has the hidden meaning that the King must be overthrown first.....which will make Thailand, which is already peaceful, independent. The entire Thai nation is already good. The whole country is very peaceful. We have always helped each other in hardships like one family. We have seen it. Today, the three-finger, three-baht group will cause division, political ideology collapse, and become enemies among the nation. It will develop into the Republic of Haiti...and like today's Syrian democracy.
Why don't you think about it???
*****-----*****
Today, Thai politics is still not trustworthy because the Thai people are still similar to the Rwandan people who kill each other every day. Today, there have been more than 5 million corpses.
Because
we don't understand politics. Even though we are not a slave race, their servants, who are sold as expensive goods like Rwanda and Haiti.
In the provincial administrative organization system, it is provincial politics. The political scope is in the province. For example, Udon Thani Province today, other provinces and other people are not involved.
The people must understand that the election of the Provincial Administrative Organization is a matter of the power of the people of Udon Thani Province only. Other provinces are not involved at all. The people of Udon Thani have power and their own freedom because they are the owners of the power...they are the politicians. Therefore, it is called that the power belongs to the people, by the people, and for the people...
****-----*****
But today, it seems that the people are not that good.
Who came from nowhere to take over the power of the local people... that is the huge violation of the political power of the people of Udon Thani Province.
3.
And
Look at the election of village headmen and sub-district headmen. Nowadays, there is real investment without reason, apart from selfishness, investment to seek profit in politics. That is, village headmen and sub-district headmen will pass the election. In the past, people came to line up by themselves. Whoever was in the longest line became the sub-district headman. Then they went back to their own houses. They waited for the sound of the drum to be beaten. Whenever they went to the meeting at the sub-district headman's house, the sub-district headman would inform them of the government's orders to do it. For example, Village Headman Lee told the villagers that the government ordered every house to raise pigs. The villagers asked what pigs were. He said that pigs were our little dogs... pigs are just ordinary little dogs.
But nowadays, the issues that are being fought for in the election campaign, apart from the problem of not having enough money to vote... and spending a lot of money, selling land and selling roads to campaign, estimated at more than 150,000 baht per sub-district headman, always, in order to pass the election as sub-district headman. The loser lost everything. They sold their houses and land but still could not become the sub-district headman.
Why do they fight so hard??????
And the result is that when the village headman is appointed, that small village or large village... is divided into 2 groups, 2 sides. All the time after that, they look at each other with uncomfortable eyes, not friendly like before, when they did not want anything except to truly serve the people.
Because the new generation of politicians are mindless, do not understand the Dharma governing the world. Here, the principle of the fraternity of universal democratic ethics that George Washington led to do from the beginning. Every election without considering the Dharma causes the country to be continuously torn apart........
Who wants this... except politicians, political parties who think of revolutionizing the institution?
*****-----*****
Thai politicians who have been in power for 92 years are no different from the evil politicians who are dangerous in the world today. The 4 countries mentioned above are
stupid and ignorant, do not understand 4 important things:
(1.) What is nationality and national security good? How is it necessary?
(2.) What is national sovereignty?
(3.) What is national independence?
(4.) What is the history of the Thai nation? What are the causal factors? Let Thailand be Thailand and be famous in the world today ?????
When you don't understand, you are blind and stupid, so you act selfishly, looking at power and various benefits as the main thing, thinking big, hoping to get, hoping to have, hoping to be (as the Buddha said, the craving for existence - the craving for non-existence).... thinking only of overthrowing the institution, establishing the Thai Republic, and for yourself to be the first president of the Thai Republic
4.
According to the original plan, there will be the first president, Mr. Thaksin Shinawatra, followed by Mr. Thanathorn Juangroongruangkit and most recently Mr. Pita Limjaroenrat.....and today, Mr. Pita still solemnly told the old man who was near death in Udon that in 9 years, Pita will return to be the prime minister again. Just wait!!!....In 9 years, he will be old. In the next era, there will only be new people, young men and women, replacing him. Pita will probably be behind the times, dreaming sweet dreams!!!
without understanding that shallow knowledge in politics is killing oneself.
For example, the Future Forward Party...stupid, not knowing the international rules and ethics of democracy regarding political party subsidies.....did wrong because they were stupid. I myself admit that I was stupid and should not have brought such a stupid person into politics from the beginning. As a result, the 3 young men, Thanathorn-Pankawanich-Mrs. Cho-Mrs. Piyabutr Saengkanokkul hugged each other and cried and left the honorable parliament. They look so pitiful to this day.
As for Mrs. Cho, for the rest of her life,
she will probably be as old as-gone old. A pointless life for the rest of her life. .....because he doesn't know any religion. That's because if he knew religion, he wouldn't have set up the Bad Students Organization to drive out the Education Minister in November 2020.
As for Mr. Pita Limjaroenrat, he is stupid and ignorant about important matters. He doesn't understand anything about nationality, national sovereignty, national independence, and the Thai superpower. He has never been a colony of anyone in the colonial era. He has won both world wars...that it is related to the strategic principles of land and air force of our Thai nation since the beginning...so this stupid doctor has a funny question about why we have soldiers...this is what is good: he is good at singing, good at action, pleasing to the audience, skilled in bars and clubs...sex, dressing, until he passed the gender law, allowing people of the same sex to marry.
And Thailand is a green, peaceful land of the world according to the theory of the sufficiency economy of King Rama IX. Even the culture of the nation, it was just shown to the world in amazement when he came to offer Kathin robes. By the Royal Procession on the Chalerm Mark on November 7, 2024.
If you don't understand that it is the result of the three institutions, the nation, religion, and the monarchy, which have been closely linked all along.
I will come to amend Section 112 for sure. I will divide Thailand into the North, Central, South, and Islamic regions...in the name of 3 fingers all along. Until today, they say that the three-finger cow and buffalo are the symbols of stupid people.
*****-----*****
5.
And the Constitutional Court, which they acted as the highest judicial power of the democratic regime, 1 of the 3 highest powers ... issued a judgment of punishment according to the Constitutional Court Order No. 3/2567)
“...When the Constitutional Court ruled No. 3/2567 that the behavior of the defendant who proposed the draft law to amend the Criminal Code, Section 112, which has content that reduces the value of the monarchy and uses it as a party policy in the election campaign by taking advantage of the monarchy
in order to gain votes and win the election, is intended to put the monarchy in a position of conflict with the people. The defendant has the intention to undermine or weaken the monarchy, which eventually leads to the overthrow of the democratic regime with the King as head of state. The defendant's actions are therefore considered an action that may be hostile to the democratic regime with the King as head of state. When political parties are political institutions of the people that are important in a democratic regime, "
That is the reason for dissolving the Move Forward Party .....with the intention to undermine or weaken the monarchy Which eventually led to the overthrow of the democratic regime with the King as head of state. The defendant's actions are therefore considered to be actions that may be hostile to the democratic regime with the King as head of state as well......
Expel Mr. Pita Limjaroenrat and the party's committee for 10 years
*****-----*****
Thai people should look at and read the verdict to understand the serious crimes, at the level of the punishment for rebellion.
Regarding Section 112, the Move Forward Party and Mr. Pita Limjaroenrat have been fighting without backing down all along until the party was dissolved. I myself have been expelled from politics for 10 years, but I still insist on my work to overthrow the monarchy, including the Prachachon Party, the new party for the original Move Forward Party, the orange group, with Mr. Nattapong............the crazy person, the leader of this party, has announced to continue to follow the policy of amending Section 112...issuing an amnesty law for those who violate Section 112, causing endless disturbances, even though the original policy was the cause of the party's dissolution, still creating the same reason, which will have the same effect again. ....If you don't confess your sins, you will certainly end up in hell when you die.
This is what the Thai people who have come to the free age, the owners of democracy, in the name of the power of the people, by the people, for the people.... will be able to study and gain true knowledge in the principles of true democracy.
Understand democracy correctly, practice it correctly.....
The wrong ones are the Future Forward Party, the Move Forward Party, Pheu Thai Party.
Who don't understand that the words republic and democracy are the same meaning.
That is, democracy with the King as head of state......can be a full democracy. Why?...Don't you understand? Like England, look at this.
*****-----*****
6.
And the 2017 Constitution has already confirmed it (see the matter of the highest power of the 3 institutions of the people)
Then go and see
(1.) Royal speech on the occasion of granting an audience to the President of the Supreme Administrative Court (Mr. Akkharat Chularat) to lead the judges of the Supreme Administrative Court to swear an oath before assuming their positions at Piemsuk Palace, Klai Kangwon Palace on Tuesday, April 25, 2006
(2.) Royal speech on the occasion of the President of the Supreme Court (Mr. Chanchai Likhitjittha) to lead the judges of the Court of Justice Office to swear an oath before assuming their positions at Piemsuk Palace, Klai Kangwon Palace on Tuesday, April 25, 2006
Which means that King Rama IX, the King himself, is fully knowledgeable about democracy. The Thai King is no longer involved in politics. He warned the judiciary that they were already assigned to perform their duties as judges decisively. According to the duty that the highest judicial authority, the Thai people, the owner of the political power of Thailand today, has given, do not get involved with the King.... which we generally know that He is above politics. This is to praise His Majesty that he is already excellent in the ethics of democratic politics.
It is just that those who think of amending the 2017 Constitution are really stupid in politics. They mistakenly think that democracy means having to revolutionize Thailand from a democracy with the King as the head of state to a Thai republic.
There must be a president + prime minister, so it is truly democratic....??????
Then it can be called full Thai democracy.
That is, we must overthrow the Thai monarchy.
The same way that the Associate Professor, Professors from Thammasat University - Jan- + more than 140 universities nationwide have supported and given wrong knowledge to practice until today.
Which is due to the lack of intelligence to know the democratic system correctly. Doing wrong is right, doing right is wrong until today.
And
those who think wrongly like this still come out to play a political role in Udon Thani Provincial Administrative Organization. There is no shame at all. Do not look at Joe Biden who resigned because his administration allowed him to violate the rights of his competitor, Donald John Trump, which led to his assassination. He was ashamed of not being able to protect the rights of his competitor, so he punished himself by resigning from the Republican Party's candidacy.
The public must look at that. Let people think of overthrowing the government, overthrowing the 3 institutions.
“...with the intention to undermine or destroy the monarchy or weaken it, which ultimately leads to the overthrow of the democratic regime with the King as head of state. The defendant's actions are therefore considered to be actions that may be hostile to the democratic regime with the King as head of state as well......”
*****---*****
7.
See .....10 proposals to revolutionize the monarchy on August 10, 2020. Details of the 10 proposals to revolutionize the monarchy include:
(1.) Abolish Section 6 of the constitution, which states that no one can accuse or sue the king, and add a provision that allows the House of Representatives to consider the king's offenses, as previously stipulated in the People's Party constitution.
(2.) Abolish Section 112 of the Criminal Code, including allowing the public to exercise their freedom of expression against the monarchy, and grant amnesty to all those prosecuted for criticizing the monarchy.
(3.) Abolish the Crown Property Act B.E. 2561 and clearly divide assets into Crown property under the control of the Ministry of Finance and personal property belonging to the king.
(4.) Reduce the national budget allocated to the monarchy to be in line with the country's economic situation.
(5.) Abolish royal departments and agencies with clear duties, such as the Royal Security Command, and transfer them to other agencies. And unnecessary agencies, such as the Privy Council, should be abolished. (6.) Cancel all donations and donations for royal charity, in order to supervise the finances of the monarchy to be under scrutiny. (7.) Cancel the royal power to express political opinions in public. (8.) Cancel all public relations and education that excessively glorify the monarchy. (9.) Investigate the truth about the killing of citizens who criticize or are involved in any way with the monarchy. (10.) Prohibit the signing of any coup d'état.
*****-----*****
People who are narrow-minded in terms of intelligence, political science, and know nothing about Thai politics, from professors to old and new politicians, how can they think of governing the country? ... When they are ignorant of the following facts:
1. How can Thai nationality have existed for thousands of years with the Thai people???
2. The sovereignty of the Thai nation for thousands of years, the Thai people have had the power to govern themselves all along. They have never been slaves of any colony in the world ... like the Republic of Haiti and Rwanda. The Republic of Syria
3. The independence of the Thai nation, the history of the independence of the Thai nation throughout, what are the factors that have caused Thailand to be Thailand, the independence of the Thai nation, one of the world's great powers until today?
The day of the royal procession on the Chao Phraya on October 27, 2024, which is grand and miraculous above the whole world, with the highest meaning of the three institutions: the nation, religion, and monarchy.
Only ungrateful people overlook this truth.
And that is, they should not be in this country.
And
Mr. Thaksin Shinawatra came to announce the policies of the Pheu Thai Party directly instead of his daughter, Paethongtarn Shinawatra, the Prime Minister, as if he were the party leader, the Prime Minister instead of his daughter, such as the policy of giving money to the elderly over 60 years old, 10,000 baht per person again, and the policy of cracking down on drugs, including the problem of tap water in Udon Thani Province.
How can this be done?
Since he is an outsider, it is equal to interfering. Make the Pheu Thai Party leader and Thai Prime Minister Ms. Paethongtarn Shinawatra directly
8.
Incidentally,
Thai people are the real owners of power. It is worth looking at.
Thai politics today: Thaksin is ranked as the world's worst leader, Yingluck is ranked 2nd on topten.com.
See news from Bangkok Business, January 16, 2014 at 2:57 PM.
Thaksin is ranked as the world's worst leader, Yingluck is ranked 2nd.
The results of the foreign website poll: "Thaksin" is ranked as the world's worst leader, "Yingluck" is ranked 2nd, knocking "Hitler" down to 3rd, "Hun Sen" is ranked 4th.
This is information that does not tell the ethics of politicians.
Of course, citizens who love justice and democracy know that every political system must have Dharma in order to survive.
They cannot look at it indifferently.
To maintain the ethics, fairness of the Thai people's democracy regime, international standards.
*****Su-ngai Padi Chinkul, Khikamek Suwanmekhin, Buaraya Chababunset 17 Nov 2024 02.40
*******
@ Thai politics, local evil stories, Udon Thani Provincial Administrative Organization
*****-----*****
@ การเมืองไทยเรื่องร้ายกาจในระดับท้องถิ่น อบจ.อุดรธานี
เพื่อสมาชิกได้ทราบ
บทวิจารณ์การเมืองบทนี้ ค่อนข้างตรงความจริงการเมืองไทย ที่เราต้องการให้เป็นบทศึกษาสำหรับคนไทยทั้งประเทศ
แต่เฟสบุ๊ค มองว่าเราค่อนข้างทำไปไม่ถูกวัฒนธรรมของเฟสบุ๊คเรื่องความสุภาพเรียบร้อยจึงระงับเฟสบุ๊คเรา180 วัน โปรดทราบ !
และเราจึงออกมาทางเวบไซต์ 2 เวบไซต็ของเราแทน และน่าจะก้าวหน้าต่อไปอีก จากสมาชิกเพิ่มมากขึ้นทั้งโลก โปรติดตาม
-----
ชื่อเรื่อง : บันทึกโหราศาสตร์ภาคพิเศษ 18 ธ.ค.2567
สินามิ อีกครั้งในประเทศไทยวันนี้
จะเกิดสินามิครั้งใหญ่ หรือ มิฉะนั้น คดีใหญ่โตที่เกี่ยวกัเงิน-ธนบัตรจำนวนมากมายมหาศาล ระหว่างวันที่ 19 พ.ค. – 2 มิ.ย. 2568 นี้
ต้นเหตุ ระบบดาวบนนภากาศโหราศาสตร์ มีการรวมกระแสร้ายแรง ผิดปกติ และไหลลงสู่ราศีธาตุน้ำ ณศูนย์ราศีมีน ถึง 9 ดวง อันบ่งบอกสัญลักษณ์เกี่ยวกับธาตุน้ำ และเมื่อไปศึกษาเปรียบเทียบดูกับ สินามิครั้งก่อนเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2547 ดูเรื่องเดียวกันเรื่อง สินามิ ก็ได้พบเหตุผลดังนี้
1. ไทย สินามิ 26 ธ.ค2547
ทักษาย่าง 223 ปีดาวพฤหัสบดี(๕)เป็นบริวารจร ดาวเสาร์(๗)เป็นกาลกิณีจร กุมจันทร์(๒)จรในราศีเมถุน ทอกระแสร่วมมฤตยู(๐) ในราศีกุมภ์= ร้ายแบบพังทะลายแตกหัก
ไทย วันนี้ ระยะเหตุร้ายดังกล่าว ทักษาย่าง 244 ปี 21 เม.ย. 2568 ๑(อาทิตย์)บริวารจร ศุกร(๖) กาลกิณีจร
2. ต้นเหตุ ข้อสังเกตเบื้องต้น
ณ ราศีธาตุน้ำเดิม คือราศีมีน มีดาวคู่ธาตุน้ำ พุธ(๔)ธาตุน้ำ+ศุกร์(๖)ธาตุน้ำ มหาอุจกาลกิณีเดิม จับคุ่กัน ยึดครองอยู่ในราศีมีนธาตุน้ำ แปลว่าเผลอเมื่อไร ปัญหาน้ำท่วมจะเข้าประเทศไทยหรือกรุงเทพมหานครทันที
ณ วันสินามิคราวที่แล้ว 26 ธ.ค. 2547 พบว่าต้นเหตุเกิดจากราศีธาตุน้ำนั่นเอง(พิจิก กับ มีน) จึงเกิดสินามิ โดยที่ดาวคู่ธาตุน้ำ ศุกร(๖) กับพุธ(๔) คู่เดียวกันนี้ คู่เดิม กับ คู่จร ใน 2 ราศีพิจิก กับ มีน คือ พุธ(๔) ธาตุน้ำ กุมกันกับดาวศุกร(๖)ธาตุน้ำ ในราศีมีน ราศีธาตุน้ำ อีกคู่หนึ่งคือพุธ(๔)เดิมธาตุน้ำกุมกับศุกร(๖)เดิมธาตุน้ำในราศีพิจิกธาตุน้ำ
เป็นเรื่องพิเศษจริงๆ ที่ดาวคู่ธาตุน้ำคู่นี้จับกันแบบเดิมกับแบบจร รวมเป็น 2คู่ (คู่1 ๔+๖เดิม อีกคู่๔+๖จร) แต่ละคู่ถึงกันในราศีธาตุน้ำ เป็นเหตุให้กระแสธาตุน้ำ แรงส่งถึงกันหมด เพราะได้ทั้งราศีมีนธาตุน้ำ ถึงราศีพิจิกธาตุน้ำโดยมีดาวคู่ธาตุน้ำ 4 ดวงถึงกันหมดนั่นคือ ดาวพุธ(๔) กุมกับดาวศุกร(๖) เดิม ในราศีพิจิกธาตุน้ำ ส่งกระแสไปถึงราศีมีนธาตุน้ำ ที่มีดาวคู่เดียวกันนี้ ดาวจรจรจับกุมกันอยู่ ฉะนั้น ดาวคู่ ๔+๖ ทอถึงกันทั้ง 4 ดวง= แรงจ้า=พอกับ อสีติธาตุเลยทีเดียว จึงเกิดพลังทางน้ำอย่างแรงขึ้นเป็น สินามิหากแต่ยังไม่ครบทั้ง3ราศีธาตุน้ำขาดราศีกรีกฎไป หากครบ3ราศีแล้วจะยิ่งกว่าสินามิอีก หากแต่ราศีกรกฎมีดาวจันทร์(๒)เกษตรธาตุดินเป็นตัวป้องกันน้ำสินามิอย่างถึงที่สุดเพราะจันทร์(๒)เป็ฯเกษตรและเป็นธาตุดิน จึงไม่แรงสุดเต็มอันตรายอัตราร้ายไทยจึงตายไป 5,000 กว่าและจังหวัด 5 จังหวัดชายทะเลไทยถล่มพังพินาสน์ไปอย่างน่าตื่นเต้นตกใจเศร้าใจ
ฉะนั้น ต้นเหตุของ สินามิก็คือพลังดาวธาตุน้ำ รวมกันเป็นพิเศษ ในราศีธาตุน้ำ นั่นเอง ดูจากราศีธาตุน้ำฑิจิก+มีน) และดาวคู่ธาตุ(พุธ+ศุกร 2คู่) ก็เห็นได้ว่าเกี่ยวกับน้ำท่วมใหญ่บอกได้ถึง สินามิ นั่นเอง หากแต่มีระบบที่ป้องกันไว้ได้อย่างเข็มแข็งอยู่ จึงไม่ร้ายไปสุดๆ กว่านี้
3. มาดูดูดาวจรช่วงอันตรายต่อกรุงเทพ - ประเทศไทยวันนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างวันที่19 พ.ค. – 2มิ.ย.2568
1. ณ ราศีมีนธาตุน้ำ มีดาวศุกร(๖)มหาอุจ 2 ดวงกุมกันอยู่ ซึ่งบอกถึงพลังแรงสุดแบบไม่มีดาวใดต้านทานได้ และทิศทางไปทางร้ายสุด ๆ เพราะมหาอุจนำไปในเรื่องธาตุน้ำอันตรายเพราะเป็นมหาอุจกาลกิณีจรทั้งคู่ แล้วยังมีพุธ(๔)ดาวดับ 100%=นิจ บอกถึงการป้องกันน้ำท่วมไม่ได้เลย จึงต้องเป็นว่าน้ำจะต้องท่วมใหญ่แบบป้องกันยากแน่ๆเลย
2. ไม่เพียงดาวคู่ธาตุน้ำ คู่ศุกรมหาอุจกาลกิณีมหาพลังในราศีมีนเท่านั้น แต่ขณะนั้นมีขบวนการดาวร้ายจรมาสนับสนุนเต็มที่อีกถึง 9 ดวง รวมแล้วคือดาว ๓-๒-๔-๘-๖-๖-๘-๗-๒ ดาวทั้ง 9 ดวง (เว้นจันทร์เกษตร) กลายเป็นบริวารใต้อำนาจศุกร(๖)กาลกิณีมหาอุจทั้ง 2ดวงนั้น ทำให้เชื่อได้ว่าน้ำจะต้องท่วมใหญ่แน่ๆ
3. ดูประเด็นสำคัญการป้องกันตัวเองพบว่าดาวอังคาร(๓) อันเป็นดาวตนุลักคณ์ดาวประเทศไทยขณะนั้น ตกตำแหน่งดาวดับสนิท100% เป็นนิจ แปลว่าไทย หรือกรุงเทมหานครมีปัญหาสุขภาพรอความวอดวายอยู่แล้วช่วยตนเองจากน้ำท่วมไม่ได้เลย ตรงนี้แหละคืออังคาร(๓) ดับสนิท พร้อม ๆ กับพุธ(๔)ก็ดับสนิทพร้อมกันอันให้ความหมายการป้องกันตนเองเหมือนกันนั้น ที่บอกว่าน้ำจะต้องท่วมขนาด สินามิแน่ๆ...เพราะบอกถึงตัวเองก็ช่วยตัวเองไม่ได้ ได้แต่ดูเฉย ๆนั่นเอง
4. วันอันตรายก็เป็นวันที่ดาวจันทร์(๒)จรถึงราศีมีน นั่นเอง ณ วันที่ 22-23-24-พ.ค.2568 3 วันนี้ มีสินามิ หากคลาดไป ก็จะยังคงอยู่ระหว่างวันใดวันหนึ่งระหว่างที่ดาว 4 ดวงพบกันทับกันอยู่คือ ศุกร์(๖)+อังคาร(๓)+เสาร์(๗)+ราหู(๘) ระหว่างวันที่ 19พ.ค. -2 มิ.ย.2568 นั้นเอง
5. แต่ระบบดาวยังบอกอีก เรื่องใหญ่ คือคดีใหญ่ ที่จะเกี่ยวกับเงิน ธนบัตร จำนวนมากมายมหาศาลด้วย แน่ละเป็นการเมืองด้วย แต่เหตุผลไม่ตรงเท่าเรื่องธาตุน้ำนั่นคือภัยธรรมชาติ สินามิ นั่นเอง เหตุผลก็คือ ราหู(๘)+พุธ(๔) นั่นเองบอกอยู่แล้วถึงเรื่องกฎหมายมาตลอดแต่ปลายปี 2567 แล้ว จะมีเรื่องคดีความ ที่ผู้รักษากฎหมายต้องดำเนินคดีต่อไป
นี่เป็นเหตุผลทางโหราศาสตร์โดยที่ท่านอาจารย์ผู้คำนวณปฏิทินจรของดวงดาวไม่เคยผิดพลาดมาก่อนคือ ตามปฏิทินโหราศาสตร์ของท่านอาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว บันทึกไว้ เตือนให้ระวังจะดีกว่าเฉยเมยไม่สนใจเลย ที่น่าตกใจน่าเชื่อก็เพราะดาวศุกร(๖) ดาวธาตุน้ำทั้ง 2 ดวงจร อันเป็นดาวภพกดุมภะของดวงชาตาประเทศไทย...เกี่ยวกับการเงินของประเทศ...มาสมทบร่วมพลังร้ายกันระดับมหาอุจ สถิตในภพธาตุน้ำ แล้วมีดาวบริวารมาสมทบอีกรวมแล้วถึง 9 ดวง และที่น่าสังเกตที่บอกความหมายพิเศษ ก็ดาวพุธ(๔) ดับสนิท และแม้ดาวอังคาร(๓) ตนุลัคณ์ ก็ดับสนิทอีก ซึ่งแปลว่า ภัยร้ายแรงขนาดช่วยตัวเองไม่ได้ทำอะไรไม่ได้เลยนั่นเองจึงน่าเป็นสินามิ ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคราวที่แล้วเสียอีก การสูญเสียก็ดูจากดาวศุกรมหาอุจกาลกิณีทั้งคู่นั้นเองในภพวินาสน์ อันเป็นเรื่องการสูญเสียเงินสมบัติมหาศาลของกรุงเทพมหานครหรือของประเทศไทย ระดับมหาอุจ 2เท่าเลยทีเดียว
และยังจะมีอีกเรื่อง คือ เรื่องคดีใหญ่โตที่เกี่ยวกับการเงินธนบัตรมากมหาศาลและน่าเกี่ยวกับคนใหญ่คนโตจนเป็นเรื่องหวั่นไหวไปทั้งประเทศ
เราคิดว่า นี่เป็นบันทึกวิชาการทางโหราศาสตร์ ที่น่าจะมองเป็นสมมติฐานไว้ก่อนก็ได้นะขออภัยหากทำให้เกิดควาวิตกหวั่นไหว...หากแต่เราบันทึกไปโดยหลักวิชาโหราศาสตร์ยุคใหม่(ผลการวิจัยโหราศาสตร์ยุคใหม่ไทย) ที่ดูไม่เคยผิดพลาดมาก่อนเลย จึงน่าท้าทายอีกครั้งหนึ่ง
***** ผู้บันทีก ชลัมพุช โหรชนบท 18 ธ.ค. 2567 19.00 น.
@ บันทึกโหราศาสตร์ภาคพิเศษ สินามิ อีกครั้งในประเทศไทยวันนี้
*****-----*****
เอาลง 138 ภาษาโลกแล้ว
โปรดคลิกขวามือทั้งหมดนี้ก็เป็นภาษาของท่านแล้ว
อยู่มุมไหนของโลกเลือกภาษาได้เลยแค่กดปุ่ม
Title: Special Astrology Notes
Tsunami Again in Thailand Today
There will be a major tsunami or otherwise a major case involving a huge amount of money and banknotes between May 19 - June 2, 2025.
The cause is that the star system in the astrological sky has a combination of serious, unusual currents and flows down to the water element at the Pisces center, totaling 9 planets, which indicates the symbol of the water element. When comparing it with the previous tsunami on December 26, 2004, looking at the same story about tsunami, the following reasons were found:
1. Thailand Tsunami on December 26, 2004
223 years of Taksa, Jupiter (5) is a transit attendant, Saturn (7) is a transit Kalakiri, and the Moon (2) is transiting Gemini. Weaving the current with Rahu (๐) in Aquarius = bad and destructive
Thai Today, the period of such bad events, Taksa Yang 244 years, 21 April 2568 1 (Sun) transit attendant, Venus (๖) transit Kalakiri
2. The cause, initial observation
At the original water element sign, Pisces, there are a pair of water element stars, Mercury (๔) water element + Venus (๖) water element, the original Maha Ucha Kalakiri, paired together, occupying Pisces, water element, meaning that if you are not paying attention, the problem of flooding will immediately enter Thailand or Bangkok.
On the day of the last tsunami, 26 December 2547, it was found that the cause was from the water element sign (Scorpio and Pisces), so the tsunami occurred. Where the water element star pair, Venus (6) and Mercury (4), the same pair, the original pair and the transit pair in 2 signs, Scorpio and Pisces, namely Mercury (4), the water element, is in conjunction with Venus (6), the water element in Pisces, the water element sign. Another pair is Mercury (4), the original water element, in conjunction with Venus (6), the original water element in Scorpio, the water element sign.
It is truly special that this pair of water element stars are in conjunction with the transit pair, totaling 2 pairs (pair 1, original 4+6, another pair, 4+6 transit). Each pair connects in the water element sign, causing the water element current to be strong and transmit to each other because it reaches both Pisces, the water element sign, to Scorpio, the water element sign, with 4 water element stars connecting to each other, namely Mercury (4) in conjunction with Venus (6), the original in Scorpio, the water element sign, sending the current to Pisces, the water element sign, which has this same pair of stars, the transit stars intertwining with each other. Therefore, the 4+6 pair of stars intertwining all 4 stars = strong = equal to the 80 elements. Therefore, a strong water force occurs as a tsunami, but it is not complete in all 3 water signs, lacking the Greek sign. If all 3 signs are complete, it will be worse than a tsunami. However, Cancer has the Moon (2) as the zodiac, the earth element, as the ultimate protection against the tsunami because the Moon (2) is the zodiac and the earth element. Therefore, it is not the strongest and most dangerous. More than 5,000 Thais died and 5 coastal provinces in Thailand were destroyed in a shocking and sad way. Therefore, the cause of the tsunami is the power of the water element stars, which are combined especially in the water element signs. Looking at the water element signs, Dhijik + Pisces) and the pair of element stars (Mercury + Venus, 2 pairs), it can be seen that it is related to the great flood, indicating a tsunami. However, there is a strong system to prevent it, so it is not as bad as this.
3. Let's look at the transit stars during the dangerous period for Bangkok - Thailand today, which is between May 19 - June 2, 2025.
1. In Pisces, the water element There are 2 Venus (6) Maha-Ujj stars together, which indicates the strongest power that no star can resist and the direction is extremely bad because Maha-Ujj leads to the dangerous water element because they are both Maha-Ujj Kalakiri transits. There is also Mercury (4) 100% extinguished star = Nic, indicating that flood prevention is impossible. Therefore, it must be that the water will definitely be a great flood that is difficult to prevent. 2. Not only the water element star, Venus Maha-Ujj Kalakiri Maha-Phak in Pisces, but at that time there was also a movement of 9 more evil stars fully supporting them, totaling 3-2-4-8-6-6-8-7-2 stars. All 9 stars (except the exalted moon) became followers under the power of Venus (6) Kalakiri Maha-Ujj, both of them, making it believable that there would definitely be a great flood. 3. Looking at the important point of self-defense, we found that Mars (3), which was the Tanu Laksa star of Thailand at that time, The position of the star is completely extinguished 100%, meaning that Thailand or Bangkok has health problems waiting to be destroyed and cannot help themselves from the flood. At this point, Mars (3) is completely extinguished, along with Mercury (4) which is also completely extinguished, which gives the same meaning of self-protection. It is said that the water will definitely flood as a tsunami... because it tells us that we cannot help ourselves and can only watch. 4. The dangerous day is the day that the Moon (2) moves to Pisces, on 22-23-24 May 2025. These 3 days will have a tsunami. If we miss it, it will still be during one of the days when the 4 stars meet and overlap, which is Venus (6) + Mars (3) + Saturn (7) + Rahu (8) between 19 May - 2 June 2025. 5. But the star system also tells us that there is another big issue, which is a big case that will involve a huge amount of money and banknotes. Of course, it is also politics. But the reason is not as direct as the water element, which is a natural disaster, a tsunami. The reason is that Rahu (๘) + Mercury (๔) has been telling about the law since the end of 2567. There will be a lawsuit that the law enforcers must take legal action against. This is an astrological reason that the teacher who calculated the transit calendar of the stars has never been wrong before. According to the astrological calendar of Teacher Thongchu Angkaew, it is better to be careful than to be indifferent. What is shocking and believable is that Venus (๖), the water element star in both horoscopes, which is the 12th house of the Thai horoscope... related to the country's finances... has joined forces with a great level of evil, located in the water element house. There are 9 satellite stars joining together. And it is noticeable that the special meaning is that Mercury (๔) is completely extinguished. And even Mars (๓) in the Tanu Lak is completely extinguished, which means a serious disaster that cannot help itself. It cannot do anything. Therefore, it is likely to be a tsunami that is even more serious than the last time. The loss is seen from the two Venus stars in the Vinasana house, which is the loss of a huge amount of money and property of Bangkok or Thailand, at a Maha Uj level, twice as much.
And there will be another story, which is a major case involving a huge amount of banknotes and is likely to involve important people to the point of shocking the entire country.
We think that this is an academic record of astrology that should be considered as a hypothesis first. We apologize if it causes anxiety and panic...but we recorded it using the principles of modern astrology (the results of modern Thai astrology research) that seem to have never been wrong before. Therefore, it is challenging once again.
***** Recorded by Chalumpuch, a rural astrologer, December 18, 2024, 7:00 p.m.
@ Special Astrology Record, Tsunami Again in Thailand Today
@ บันทึกโหราศาสตร์ภาคพิเศษ สินามิ อีกครั้งในประเทศไทยวันนี้
*****-----*****
เอาลง 138 ภาษาโลกแล้ว
โปรดคลิกขวามือทั้งหมดนี้ก็เป็นภาษาของท่านแล้ว
อยู่มุมไหนของโลกเลือกภาษาได้เลยแค่กดปุ่ม
ทักษิณพูดไม่เข้าใจหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียงของชาวอีสาณที่ถือปฏิบัติตามในหลวงไปกันทั่วแผ่นดินแล้ว
******-----*****
ทักษิณชินวัตรพูดเรื่องอนาคตอิสาณ โอกาสประเทศ พูดในแบบความถนัดนิสัยตนเองคือมองแง่เดียวมาแต่แรก มองเงินมองการลงทุน หาแหล่งลงทุน มองอแง่เดียวคือมองเงนเป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกความเป็นคน หากไม่เช่นนั้นเสียเปรียบ ไม่มีความเป็นคน ซึ่งเป็นแนวคิดทาง้ศรษฐกิจแบบทุนนิยม ที่เลวร้ายก็เพราะทุนนิยมต้องคิดเหากำไรอยู่ตลอดเวลา เงินเป็นสมบัติล้ำค่าของชีวิตทั้งหมด
ซึ่งเป็นแนวคิดที่เหมือนสัตว์ ไม่มีเงินอยู่ได้ และที่สำคัญในประเทศนี้เป็นแนวคิดที่ไม่สอดคล้องทฤษฎีเศรษฐกิจแบบพอเพียง -เศรษฐกิจแบบคนจนของในลวงที่นำพาประชาชนสร้างมาตลอดชีวิตของพระองค์ถึงวันนี้ ยิ่งกำลังเป็นผลดีผลสำเร็จอันน่ามั่นใจในอนาคตด้วยซ้ำ
ซึ่งเห็นจากการพูดวันนี้ ที่ไม่ได้พบถ้อยคำที่บกถึงความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจแบบพอเพรียง ไมได้พบสักคำสักความหมายของคำว่าปัจจัย 4อันมาจากหลักพระพุทธศาสนาแม้คำหนึ่งเลย ที่แปลว่านายทักษิณไม่เคยสนใจทฤษฎีเศรษฐกิจแบบโบราณ ไม่พยายามเข้าใจหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียงที่ไม่เคยล้าสมัย หรือวันนี้มาถึงหลักเศรษฐกิจแบบคนจน สำหรับชนชาวเกษตรกรรมเป็นสัมมาอาชีพมาหลายศตวรรษแล้ว หากต่อมาเศรษฐกิจแบบนายทุนนี้น ก็เห็นอยู่แล้วว่าขนาดใหญ่ระดับโลกนั้นยิ่งมีปัญหาการแข่งขันกันเพื่อกำไรตัวเดียวกันทั้งโลก จนเกิด้ป็นสงครามเศรษฐกิจกันอยู่ตลอดเวลา อย่างเร็วๆนี้เองก็ล้วนมหาอำนาจนายทุนหลั่งไหลเข้าไปประเทศซีเรีย แก่งผลประโยชน์กันอย่างเปิดเผยไม่มีความละอายใจกับการเข้าไปยึดครองประเทศอื่นเขา นี่แหละเป็นทฤษฎีที่นายทักษิณ ชินวัตร คุ้นชินมาตลอดเวลา ไม่เข้าใจเศรษฐกิจกับธรรมะจึงบฮดใบ้ไปหมด
เพราะสิ่งที่ต้องรู้ก็คือ การที่ในหลวงทรงคิดค้นทฤษฎีเศรษฐกกิจแบบพอเพียงขึ้นมาตลอดชีวิตของพระองค์ท่านนั้น ได้นำพาประชาชนอยู่ดีกินดี และแก้ปัญหาร่วมกันโดยทฤษฎีของเศรษฐกิจแบบพอเพียง แบบคนจน ที่ไม่หวังความร่ำรวยเกินเหตุนี้เป็นลับมา โดยหวังว่าในอนาคตนั้น ทฤษฎีนี้ ไม่เพียงเอาตัวรอดเท่านั้น แต่จะเป็นเพราะด้วยเอาหลักการพระพุทธศาสนามาประกอบนั่นคือเศรษฐกิจแบบพอเพียง-แบบคนจน ที่ทำมาเราจึงต้องมององค์รวมองค์ธรรมให้ชัดเจนชัดแจ้ง
เพราะการเศรษฐกิจแบบนายทุนมุ่งแต่กำไรเป็นหลักนั้น เป็นธรรมชาติอันเห็นแก่ตัวของเศรษฐกิจแบบนายทุน ซึ่งมาวาระนี้แล้วเริ่มมองเห็นผลเสียลงไปตามลำดับๆ สำหรับไทยคนไทยจะมองออกง่ายดายได้ข้อสรุปว่าไม่มีเศรษฐกิจแบบใดที่เหมาะยิ่งไปกว่านี้ เพราะเป็นประเทศเกษตรกรรมมาแต่ดั้งแต่เดิมพร้อมกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย
เพราะประเทสอย่างเราที่ไทยจะต้องตั้งตัวให้ถูกต้องแล้วไม่มีแล้วไม่มีทางใดที่ไทยจะสงบก้าวหน้า มีสามัคคีสุขสงบได้เสร็จ นอกจากเศรษฐกิจแบบพอเพียง-แบบคนจน ที่เป็นหลักใกล้ชิดหลักการศาสนา หลักเศรษฐศาสตร์เกษตรมาตลอด
อีกทั้งนโยบายของรัฐที่ผ่านมา ก็ได้อาศัยหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียง-แบบคนจนมาตลอดที่ช่วยชาติและประชาชนได้ มาวันนี้ ก็เริ่มเข้าทางหมด เริ่มแต่การจัดการเรื่องที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย มีการดำเนินการจัดที่ป่าสงวนของรัฐแบ่งไปให้เป็นที่ทำมาหากินขอประชาชนทั้งประเทศไทย ให้เพียงพอให้ได้พอในเรื่องปัจจัย4 อาหาร เครื่องนุ่งหม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค เท่านี้ก็เป็นเกณฑ์พอพียงตามหลักพระสาสนา ไม่จำเป็นต้องวิ่งเต้นนอกไปจากหลักปัจจัย4 นี้ก็มีความสุขพอเพียงแล้วหากแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นปัญหาตามเศรษฐกิจแบบใหม่ นับแต่คนมากมายตกเป็นหนี้เป็นสินกันไปหมดทั้งแผ่นดินนั้น ก็เนื่องจากไม่ยึดลักเศรษฐกิจแบพอเพียงของในหลวงนั้นเอง แต่ไปคิดตามหลักทุนนิยมแล้วหลงลืมตนไปกันสิ่งที่เป็นกามตัณหา-ภวะ-ตัณหาวิภวะตัณหาโดยหารู้ไม่ว่าเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ไปทั้งสิ้น
2.
เพราะวันหนึ่ง เศรษฐกิจแบบยุโรป อเมริกา นอกประเทศไทยก็จะพบปัญหาใหญ่กันแล้ว ดังได้พบอยู่ในขณะนี้วันนี้ เช่นสงครามเศรษฐกิจอจีน อเมริการัสเซีย ยูเครนอิสาเอลลล ปาเลสไตย อิหร่าน ซีเรีย รวันด้า เฮติ และประเทศยากจนครึ่งค่อนโลกวันนี้ ล้วนแต่เหตุเกิดแก่ปัญหาแก่งแย้งปัจจัยเกินความพอเพียงไปทั้งนั้น
แลวันหนึ่งเศรษฐกิจยุโรป อเมริกา มหาอำนาจทั้งหลาย นอกประเทศไทยก็จะมีปัญาไหญ่ กลายกลายเป็นปัญหาโลกนี้ไปเสียแล้ว
เพราะการเศรษฐกิจแบบพัฒนาพื้นดินให้ดีขึ้นนั้น การปลูกป่า การพัฒนาพืชพันธุ์ไม้บนดิน มีข้าว ผัก พืชผลไม้ไทยยทุกชนิดนั้นกำลังได้รับความเข้าใจมีงานวิจัยอย่างกว้างขวางดูแลศึกษาอยู่ แม้ชาวนาเจ้าของที่ดินเอง ไทยนาวันนี้ ล้วนพร้อมเป็นนักวิชาการสำหรับต่างประเทศอย่างดีทั้งนั้น ไม่ว่าอิสราเอล อิหร่าน ปาเลสไตน์ แอฟริกา อเมริกา รัสเซีย ญี่ปุ่น จีน มองโกเลีย ล้วนได้ชาวนาไทยไปเป็นครูสอนเรื่องเศรษฐกิจบนพื้นนาทั้งนั้น ในไทยองก็อยู่ระหว่างทำความเข้าใจจทฤษฎีในหลวงกันอย่างซาบซึ้งเพียงดังหลักการศาสนาก็ไม่ปาน มองเป็นเหตุเห็นผลของเศรษฐกิจแบบพอเพียง ที่ ตามหลักของพระองค์ท่าน ไม่จำเป็นต้องมีเงินมาลงทุนมากมายแบบเศรษฐกิจแบบนักลงทุนเลย ชีวิตทั้ชีวิตก็อยู่ดีมีความสุข นี่ต่างหากที่ทำให้เศรษฐกิจแบบพอเพียง มีความสำคัญขึ้นสำหรับโลกยุคนี้ และที่ประชาชนไทยประเทศไทยนี้เองจะเป็นแบบอย่างแก่โลกที่กำลังแก่งแย่งเงินทองเศรษฐกิจแบบนายทุน เศรษฐกิจแบบต้องลงทุนหากำไรไม่รู้จักความพอเพียงและการให้ได้นั้นเองและแน่นอนวันหนึ่งย่อมนำไปสู่สงครามทางเศรษฐกิจ
นอกจากแนวคิดทั่วไปแล้ว ยังมีแนวคิดที่ลึกซึ้งอันริเริ่มาจากเศรษฐกิจแบบพอเพียงของในหลวง โดยเฉพาะที่คู่มาด้วยก็คือ การพัฒนาฝนเทียม ที่โดยทฤษฎีวิทยาศาสตร์ ยังจะสามารถพัฒนาต่อไปได้ถึงระดับมหัศจรรย์ คือถึงระดับสั่งให้ฝนรวมตัวตกลงแดนดิน ที่นา ป่า เขาที่เราต้องการแบบเป็นแห่งๆ ได้แล้ว นั้นแหละงานวิจัยฝนเทียมของในหลวงจะต้องรีบต่อยอดออกไปโดยเร็วไม่รอช้าแล้ว แล้วไทยเราจะยิ่งว่าเป็นแดนวิเศษสำหรับโลกเลยทีเดียว ที่ถูก คนไทยจะต้องเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงที่ไปที่มาของเศรษฐกิจแบบพอเพียง ที่มีที่มาจากลักเหตุผลตามหลักพระพุทธศาสนานั้นเอง และในหลวงทรงนำมาพัฒนาขึ้นอย่างเหมาะกับยุคสมัยใหม่ ยุควิทยาศาสตร์ AI เลยทีเดียวและ AI จะช่วยสร้างฝนเทียมให้ได้วิเสษอย่างว่าเลยในไม่ช้าไม่นานนี้ นักวิยาศาสนตรีหนุ่มทั้งหลายรีบคิดทำได้เลยวันนี้เลย
ก็หวังว่าโลกจ่ะมองความสำคัญเศรษฐกิจแบบพอเพียงไปตามลำดับ ๆ และมีนวโน้มมาเล่าเรียนศึกษาเศรษฐกิจแบบพอเพียงกันมากจึ้น ทำประเทศไทยเป็นศูนย์เศรษฐกิจแห่งความพอเพียง แห่งคามสบสุขร่ำรวยแบบเยือกเย็นปราสจากความฝใฝ่แสวงหาโลภะเห็นแก่ตัวเกินความพอดี เป็นนตุสำคัญของสามัคคีธรรมของมิตรภาพของโลกทั้งโลก ซึงโดยเหตุนี้ ไทย จึงควรดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบพอเพียงให้เต็มสมบูรณ์ตามสูตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่กัหัว เพื่อเป็นศูนย์เศรษฐกิจโลกในวันหน้านั้นเอง
เพราะวันหนึ่ง เศรษฐกิจแบบยุโรป อเมริกา นอกประเทศไทยก็จะพบปัญหาใหญ่กันแล้ว ดังได้พบอยู่ในขณะนี้วันนี้ เช่นสงครามเศรษฐกิจอจีน อเมริการัสเซีย ยูเครนอิสาเอลลล ปาเลสไตย อิหร่าน ซีเรีย รวันด้า เฮติ และประเทศยากจนครึ่งค่อนโลกวันนี้ ล้วนแต่เหตุเกิดแก่ปัญหาแก่งแย้งปัจจัยเกินความพอเพียงไปทั้งนั้น
แลวันหนึ่งเศรษฐกิจยุโรป อเมริกา มหาอำนาจทั้งหลาย นอกประเทศไทยก็จะมีปัญาไหญ่ กลายกลายเป็นปัญหาโลกนี้ไปเสียแล้ว
3.
เพราะการเศรษฐกิจแบบพัฒนาพื้นดินให้ดีขึ้นนั้น การปลูกป่า การพัฒนาพืชพันธุ์ไม้บนดิน มีข้าว ผัก พืชผลไม้ไทยยทุกชนิดนั้นกำลังได้รับความเข้าใจมีงานวิจัยอย่างกว้างขวางดูแลศึกษาอยู่ แม้ชาวนาเจ้าของที่ดินเอง ไทยนาวันนี้ ล้วนพร้อมเป็นนักวิชาการสำหรับต่างประเทศอย่างดีทั้งนั้น ไม่ว่าอิสราเอล อิหร่าน ปาเลสไตน์ แอฟริกา อเมริกา รัสเซีย ญี่ปุ่น จีน มองโกเลีย ล้วนได้ชาวนาไทยไปเป็นครูสอนเรื่องเศรษฐกิจบนพื้นนาทั้งนั้น ในไทยองก็อยู่ระหว่างทำความเข้าใจจทฤษฎีในหลวงกันอย่างซาบซึ้งเพียงดังหลักการศาสนาก็ไม่ปาน มองเป็นเหตุเห็นผลของเศรษฐกิจแบบพอเพียง ที่ ตามหลักของพระองค์ท่าน ไม่จำเป็นต้องมีเงินมาลงทุนมากมายแบบเศรษฐกิจแบบนักลงทุนเลย ชีวิตทั้ชีวิตก็อยู่ดีมีความสุข นี่ต่างหากที่ทำให้เศรษฐกิจแบบพอเพียง มีความสำคัญขึ้นสำหรับโลกยุคนี้ และที่ประชาชนไทยประเทศไทยนี้เองจะเป็นแบบอย่างแก่โลกที่กำลังแก่งแย่งเงินทองเศรษฐกิจแบบนายทุน เศรษฐกิจแบบต้องลงทุนหากำไรไม่รู้จักความพอเพียงและการให้ได้นั้นเองและแน่นอนวันหนึ่งย่อมนำไปสู่สงครามทางเศรษฐกิจ
นอกจากแนวคิดทั่วไปแล้ว ยังมีแนวคิดที่ลึกซึ้งอันริเริ่มาจากเศรษฐกิจแบบพอเพียงของในหลวง โดยเฉพาะที่คู่มาด้วยก็คือ การพัฒนาฝนเทียม ที่โดยทฤษฎีวิทยาศาสตร์ ยังจะสามารถพัฒนาต่อไปได้ถึงระดับมหัศจรรย์ คือถึงระดับสั่งให้ฝนรวมตัวตกลงแดนดิน ที่นา ป่า เขาที่เราต้องการแบบเป็นแห่งๆ ได้แล้ว นั้นแหละงานวิจัยฝนเทียมของในหลวงจะต้องรีบต่อยอดออกไปโดยเร็วไม่รอช้าแล้ว แล้วไทยเราจะยิ่งว่าเป็นแดนวิเศษสำหรับโลกเลยทีเดียว ที่ถูก คนไทยจะต้องเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงที่ไปที่มาของเศรษฐกิจแบบพอเพียง ที่มีที่มาจากลักเหตุผลตามหลักพระพุทธศาสนานั้นเอง และในหลวงทรงนำมาพัฒนาขึ้นอย่างเหมาะกับยุคสมัยใหม่ ยุควิทยาศาสตร์ AI เลยทีเดียวและ AI จะช่วยสร้างฝนเทียมให้ได้วิเสษอย่างว่าเลยในไม่ช้าไม่นานนี้ นักวิยาศาสนตรืหนุ่มทั้งหลายรีบคิดทำได้เลยวันนี้เลย
ก็หวังว่าโลกจ่ะมองความสำคัญเศรษฐกิจแบบพอเพียงไปตามลำดับ ๆ และมีนวโน้มมาเล่าเรียนศึกษาเศรษฐกิจแบบพอเพียงกันมากจึ้น ทำประเทศไทยเป็นศูนย์เศรษฐกิจแห่งความพอเพียง แห่งคามสบสุขร่ำรวยแบบเยือกเย็นปราสจากความฝใฝ่แสวงหาโลภะเห็นแก่ตัวเกินความพอดี เป็นนตุสำคัญของสามัคคีธรรมของมิตรภาพของโลกทั้งโลก ซึงโดยเหตุนี้ ไทย จึงควรดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบพอเพียงให้เต็มสมบูรณ์ตามสูตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่กัหัว เพื่อเป็นศูนย์เศรษฐกิจโลกในวันหน้านั้นเอง
@ ทักษิณพูดไม่เข้าใจหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียงของชาวอีสาณที่ถือปฏิบัติตามในหลวงไปกันทั่วแผ่นดินแล้ว
******-----*****
Thaksin does not understand the sufficiency economy principle of the Isan people who have followed the King throughout the country.
******-----*****
Thaksin Shinawatra talked about the future of Isan, opportunities for the country, speaking in his own way of expertise, which is to see things from one perspective from the beginning, looking at money, looking at investment, finding investment sources, seeing things from one perspective, which is seeing money as the only thing that indicates being a person. If not, he will be at a disadvantage, not being a person, which is the concept of capitalism. What is bad is because capitalism must think of making profit all the time. Money is the most valuable asset of all life.
Which is a concept like animals, without money, it cannot survive. And importantly, in this country, this concept is not consistent with the theory of sufficiency economy - the economy of the poor, the illusion that has led the people to build throughout His Majesty's life until today. It is even more beneficial and successful in the future.
Which can be seen from today's speech, where there were no words that mentioned understanding of sufficiency economy, not a single word or meaning of the word 4 factors that comes from the principles of Buddhism, which means that Mr. Thaksin has never been interested in the ancient economic theory, not trying to understand the sufficiency economy principle that never goes out of style. Or today, we have come to the principle of the economy for the poor. For the agricultural people, it has been a legitimate occupation for many centuries. If later, the capitalist economy, it is clear that the large world-class has more problems competing for the same profit all over the world, causing economic wars all the time. Recently, all the capitalist superpowers have flowed into Syria, openly competing for benefits without any shame in invading and occupying other countries. This is the theory that Mr. Thaksin Shinawatra has been familiar with all the time. He does not understand economics and Dhamma, so he is completely silent.
Because what we need to know is that the King has invented the theory of the sufficiency economy throughout his life. He has led the people to live well and solve problems together by using the theory of the sufficiency economy for the poor, who do not hope for excessive wealth. This is a secret, hoping that in the future, this theory will not only save us, but will also be because of the use of Buddhist principles, that is, the sufficiency economy - for the poor. We must therefore clearly see the holistic Dhamma.
Because the capitalist economy that focuses only on profit is the selfish nature of the capitalist economy. Now that we have come this far, we are starting to see the negative effects gradually. For Thailand, Thai people can easily see and conclude that there is no economy that is more suitable than this because we have been an agricultural country since the beginning, along with our neighboring countries.
Because a country like ours, Thailand, must establish itself correctly and without it, there is no way that Thailand will be able to be peaceful, progressive, and have unity and happiness except for the sufficiency economy - the poor's type, which is a principle close to the principles of religion and agricultural economics all along.
In addition, the government's policies in the past have always relied on the sufficiency economy - the poor's type, which has helped the country and the people. Today, everything is starting to go according to plan, starting with the management of land for farming and housing. There is the operation of organizing the state's reserved forests to be used as a place for people to earn a living for the whole country, so that they are sufficient in terms of the 4 necessities: food, clothing, housing, and medicine. This alone is the sufficiency criteria according to the principles of religion. There is no need to lobby beyond these 4 necessities. We will be happy enough, but the problems that arise are all problems according to the new economy. Since many people across the country are in debt, it is because they do not adhere to the sufficiency economy principle of the King. But when thinking according to capitalism, one forgets oneself and the desires of sensuality, existence, and non-existence, without realizing that they are the cause of all suffering.
2.
Because one day, the economies of Europe and America outside of Thailand will encounter major problems, as we are encountering today, such as the economic wars between China, America, Russia, Ukraine, Israel, Palestine, Iran, Syria, Rwanda, Haiti, and half of the poor countries in the world today, all of which are the cause of conflicts over factors beyond sufficiency.
And one day, the economies of Europe, America, and all the superpowers outside of Thailand will also encounter major problems, becoming world problems.
Because the economy of developing the land for the better, planting forests, developing plants on the ground, including rice, vegetables, and all kinds of Thai fruits are being widely understood and researched. Even the farmers who own the land themselves, today’s Thais are all ready to be academics for foreign countries, whether Israel, Iran, Palestine, Africa, America, Russia, Japan, China, Mongolia, all of whom have Thai farmers as teachers of economics on the rice fields. In Thailand, we are in the process of understanding the theories of the King with deep understanding, just like the principles of religion. We see the reasons and results of the sufficiency economy, which, according to His Majesty’s principles, does not require a lot of money to invest like the investor-based economy. Life is good and happy. This is what makes the sufficiency economy more important for the world today. And the Thai people of Thailand will be a model for the world that is competing for money, the capitalist economy, the economy that must invest to make a profit, not knowing sufficiency and giving, and of course one day it will lead to an economic war.
In addition to the general idea, there is a profound idea that originated from the sufficiency economy of the King, especially the one that comes with it, which is the development of artificial rain. According to scientific theory, it can be further developed to a miraculous level, which is to order rain to gather and fall on the land, rice fields, forests, and mountains that we want in certain places. That is the research on artificial rain of the King must be developed quickly without delay. Then Thailand will be considered a wonderful country for the world. That is right. Thai people must deeply understand the origin of the sufficiency economy, which comes from the reasoning according to the principles of Buddhism. And the King has developed it to be suitable for the modern era, the era of science and AI. And AI will help create special artificial rain in the near future. Young scholars, hurry up and think of it today. I hope that the world will gradually see the importance of the sufficiency economy and will increasingly study and learn about it, making Thailand the center of the sufficiency economy, of peaceful happiness and wealth, free from greed and selfishness beyond what is appropriate, and an important foundation for the unity of friendship throughout the world. For this reason, Thailand should implement the sufficiency economy policy to its fullest extent according to His Majesty the King’s formula in order to become the center of the world economy in the future.
Because one day, the economies of Europe and America outside of Thailand will encounter major problems, as we are encountering today, such as the economic wars between China, America, Russia, Ukraine, Israel, Palestine, Iran, Syria, Rwanda, Haiti, and half of the poor countries in the world today, all of which are the cause of conflicts and factors beyond sufficiency.
And one day, the economies of Europe, America, and all the superpowers outside of Thailand will have major problems and become world problems.
3.
Because the economy of developing the land to be better, planting forests, developing plants on the ground, having rice, vegetables, and all kinds of Thai fruits are being widely understood and studied. Even the farmers who own the land, today's Thais are all ready to be academics for foreign countries. Whether it's Israel, Iran, Palestine, Africa, America, Russia, Japan, China, Mongolia, they all have Thai farmers as teachers of the economy on the rice fields. In Thailand, they are in the process of understanding the King's theory with such depth that it's like religious principles. They see the cause and effect of the sufficiency economy, which, according to His Majesty's principles, doesn't require a lot of money to invest like an investor's economy. Life is good and happy all the time. This is what makes the sufficiency economy more important for the world today. And the Thai people of Thailand themselves will be a model for the world that is competing for money, the capitalist economy, the economy that must invest to make a profit, doesn't know sufficiency and giving, and of course, one day it will lead to an economic war.
In addition to general ideas, there are also profound ideas that originated from the King's sufficiency economy, especially the one that comes with it, which is the development of artificial rain, which, according to scientific theory, can still be developed to a miraculous level. That is, to the point of ordering rain to gather and fall on the land, rice fields, forests, and mountains that we want in certain places. That is the research on artificial rain of His Majesty the King must be developed quickly without delay. Then Thailand will be considered a wonderful country for the world. That is right, Thai people must deeply understand the origin of the sufficiency economy, which comes from the reasoning according to the principles of Buddhism. And His Majesty has developed it to be suitable for the modern era, the era of science and AI. And AI will help create artificial rain as special as mentioned very soon. Young scholars should hurry up and think of doing it today. I hope that the world will gradually see the importance of the sufficiency economy and there will be a tendency to study the sufficiency economy more and more. Make Thailand a center of the sufficiency economy, a peaceful and wealthy happiness free from greed and selfish desires beyond moderation. It is an important foundation of the unity of the morality of friendship of the whole world. Therefore, Thailand should implement the sufficiency economy policy to the fullest according to the formula of His Majesty the King. To be the center of the world economy in the future
@ Thaksin speaks without understanding the principles of the sufficiency economy of the Isan people who have followed the King throughout the country
******-----*****
*****
*****
-----
4. TO MONTENEGRO
Phayap Panyatharo
8 สิงหาคม เวลา 08:28 น. ·
57..วาทะที่ 57..To Montenegro : แด่ประเทศมอนเตเนโกร คิดการปฏิวัติและล้มล้างรัฐบาลพร้อมสถาบันกษัตริย์ไทย???
นายทักษิณ ชินวัตร คนสัญชาติมอนเตเนโกรคิดการปฏิวัติล้มล้างรัฐบาลและสถาบันกษัตริย์ไทย ประเทศมอนเตเนโกรต้องรับผิดชอบ ???
-----
1..NWE.1..วาทะธรรม 1-61 บทความ วาทะแห่งสัจธรรมมรรคผลนิพพานยุคใหม่ยุคโควิต 19 รวมคำสอนอันลึกซึ้งฝ่ายโลกุตตระของพระพุทธเจ้าให้สอดคล้องปัญหาโลกขณะนี้ ซึ่งกำลังเผชิญมหาภัยโรคร้ายโควิต เพื่อประโยชน์การป้องกันช่วยเหลือกันและกันของมวลมนุษย์โลกจากมหาภัยโควิดร้ายนี้ให้สอดคล้องไปกับหลักการสาธารณสุขศาสตร์ของโลก
2..NWE.2..วิวาทะธรรม การตอบโต้ปัญหาธรรมทุกระดับมรรคผลนิพพาน ทุกทิศทั่วโลกคำถาม-คำตอบ และประเด็นปัญหาการปฏิบัติธรรม คำอธิบายทางปฏิบัติเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานของคนยุคใหม่ ผ่านเฟสบุ๊คและสื่อออนไลน์ทั่วโลก
3..NWE.3..ยอดสุภาษิต รวมยอดสุภาษิตกว่า 211 บทสุดคมสุดหวานลึกซึ้งสำหรับโลกยุคใหม่ สุภาษิตไทยใหม่เอี่ยม จากความคิดสติปัญญาคนยุคใหม่ ทันสมัย สำหรับคนยุคกึ่งพุทธกาล ยุคเทกโนโลยี่ล้ำยุค คิดขึ้นใหม่ไม่ได้ลอกเลียนจากแห่งใดเลย แต่อยู่ระดับสูงส่ง
The Highest Truth
4.NWE 4..คำสอน ปฏิบัติธรรมสำหรับคนยุคใหม่เอาบ้านที่ทำงานการอาชีพเป็นวัด ร่ำรวยได้พร้อมการบรรลุมรรคผลนิพพาน แนวทางย่อ ๆ สำหรับการปฏิบัติธรรมแนวใหม่สำหรับคนธรรมดาทั้งหลายทั้งโลก เพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานโสดาบันถึงอรหันต์ได้ในสถานะของฆราวาส เส้นทางธรรมป
ฏิบัติยุคใหม่ นิพพานสำหรับคนทั้งโลกยุคกึ่งพุทธกาล
Principles of Truth, the ultimate principles of Dharma practice
5.NWE.5..คำอธิบาย ทุกขัง อนิจจัง และอนัตตา เข้าใจได้อย่างทะลุปรุโปร่งตามแนวพระปฐมเทศนาตามพระสูตรแรก 3 บท เพื่อความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วใครๆก็สำเร็จมรรคผลได้
Explanation of the truth of life concerning suffering, vanity, and selflessness, can be understood through and through, anyone can achieve enlightenment.
6.. NWE.6..ชี้นำบรรลุมรรคผลง่าย ๆ ทันทีทันใด สามารถทำได้สำหรับคนยุคใหม่ ตัวอย่างสุภัททะปริพาชก อรหันต์องค์สุดท้าย คืนวันปรินิพพาน
7..NWE.7. สถิติ เข้าเยี่ยมชม Buddhism to the Newworld Era สถิติจากทั่วโลก ...ครั้งแรก 26 ม.ค. 2565
8.. การเมืองรายวัน
9..พุทธศาสนา รายวัน
10..อิสลาม รายวัน
11..ยอดสุภาษิต รายวัน
HAPPY NEW YEAR 2023
สคส.2565 44ภาษา
สัจธรรมแห่งชีวิตที่ต้องรู้อย่างเชี่ยวชาญ
เพื่อการบรรลุมรรคผลนิพพานอันอมตะ
เอาลง 138 ภาษาโลกแล้ว
โปรดคลิกขวามือทั้งหมดนี้ก็เป็นภาษาของท่านแล้ว
อยู่มุมไหนของโลกเลือกภาษาได้เลยแค่กดปุ่ม
ทฤษฎีการดับทุกข์ทางจิต วิปัสนากรรมฐานโดยการทำงาน
ประวัติการต่อสู้เพื่อดับทุกข์ของพัชรา กอปรทศธรรม
การเมือง มาเรียนรุู้การเมืองสูงสุด ศาสนาประชาิปไตยโลก
วิถืทางการเมืองไทยวันนี้เดินไปบนความอ่อนด้อยไร้ความรู้ความเข้าใจ ในสิ่งที่ตนเป็นอยู่ก็ยังไม่เข้ใจ ยังคิดจะปฏิวัติการเมืองไปเป็นแบบใหม่อีกเหมือนคนทาส ที่เพิ่งถูกปล่อยออกมาปกครองตนเองไม่เป็นเลย นั่นเอง แบบไร้ความเข้าใจเรื่องการเมืองคืออะไร ประชาธิปไตยไร้พื้นฐานวัฒนธรรมที่ถูกต้อง มีพรรคการเมืองไร้วุฒิภาวะมาก่อกวน ปลุกม็อบสร้างสถานการณ์โฆษณาชวนเชื่อ แบบเขลาเบาปัญญาไร้ความเข้าใจประชาธิปไตยไปทั้งสิ้น ความไม่รู้จึงเป็นเหตุของความผิดพลาดทางการเมืองไทยมา 89 ปี แล้ว อ่านบทวิเคราะห์ที่ให้ความรู้ประชาธิปไตยที่ถูกต้องที่นี่ ให้ความเข้าใจประชาธิปไตยทุกสถานการณ์การเมืองไทย นับแต่ม็อบที่ถูกปลุกปั่นออกมาอ้างประชาธิปไตยไปอย่างผิดๆ และวิถีทางที่ประชาชนไทยต้องตื่นสร้างการเมืองที่ถูกต้อง ที่นี่
Truth of the Thai Politics : ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
โหราศาสตร์
หลักโหราศาสตร์ว่าด้วยดวงกำเนิดและดวงฤกษ์ สูตรและทฤษฎีโหราศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมเชิงศาสตร์เก่าแก่ของโลกมาก่อนศาตร์ทั้งหลายในโลกร่วมหมื่นปี มีนักวิจัยโหราศาสตร์ไทย สามารถพยากรณ์อนาคตคนยุคใหม่ได้ทุกเรื่องราวของชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ท่านกำลังจะลงทุนนับร้อยนับพันล้าน ไม่ลองถามโหราจารย์ดูก่อนหรือ? ที่แน่นอนเรื่องชีวิตทั้งขีวิตจะปล่อยไปตามยถากรรมได้อย่างไร หุ้นส่วนชีวิต คู่รัก คนรัก ความรัก การงาน อาชีพ ความจน ความร่ำรวย จะติดคุกหรือไม่ ? ขณะนี้ชีวิตเป็นอย่างไร มีคำตอบจากโหราศาสตร์ไทย+สากล รวมคำตอบคลี่คลายปัญหาข้อข้องใจเกี่ยวกับการทำนายชะตาชีวิตรอบด้าน นี่คือคุณค่าอันสูงส่งของโหราศาสตร์ไทยวันนี้
ดวงชะตา ลิซ่า LISA พร้อม กรณีตัวอย่างทางธัมมะจากเยาวชนอิตาลี และ ลิซ่า LISA เยาวชนไทยนักร้องก้องโลกยุคนี้
เอาลง 138 ภาษาโลกแล้ว
โปรดคลิกขวามือทั้งหมดนี้ก็เป็นภาษาของท่านแล้ว
อยู่มุมไหนของโลกเลือกภาษาได้เลยแค่กดปุ่ม
สารบาญโหราศาสตร์
คำพยากรร์การเมือง นักการเมือง มาแต่เดิมร่วม กว่า 100 คำพยากรณ์ ดูจาก :
สารบาญโหราศาสตร์
คลิกไปหาคำพยากรณ์ตามหลักวิชาโหราศาสตร์สำหรับการเมืองนักการเมืองพรรคการเมืองทั้งในไทยและต่างประเทศ
เพื่อพิศูจน์โหราศาสตร์ไทยเรา
WELCOME TO MY TEMPLE
วัดของฉัน [๑]
MY TEMPLE
อุทยานการท่องเทียวฝ่าแดนโลกสู่แดนวิเศษโลกุตตระที่ไม่อาจจะลืมได้เลยในชีวิตนี้
ที่แห่งการเลื่อนไหลไปแห่ง มโนธรรมแห่งมโนธาร มโนธารแห่งมโนธรรม ไปสู่มหาอาณาจักรทะเลอันไร้ขอบเขต เป็นที่แห่งวาทะอันสละสลวยสวยสดงดงาม ด้วยสัจธรรม ที่ให้เกิดความดี ความสบายใจ สว่างไสว รู้แจ้งสู่โลกนิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งยุคนี้
เรากำลังเผยแผ่อริยสัจธรรมแห่งชีวิตไปสู่คนทั้งโลกด้วยภาษา 138 ภาษาสู่ 8000 ล้านชีวิตทั้งโลกที่นี่ เมื่อเข้ามานั่นแหละมาเยี่ยมโลกทั้งโลก
เพียงคลิกขวามือเท่านั้นเองเวบไซต์นี้ทั้งหมดก็จะแปลเป็นภาษาของท่าน และเป็นสวนสวรรค์ของท่านตลอดกาลนาน
Dhamma Tourism Park, a place of the flow of the Mano River, Mano River of the Mano River, to the boundless sea kingdom, a place of beautiful and elegant speech, with the truth that gives rise to goodness, comfort, brightness, enlightenment to the world of Nirvana of the Lord Buddha of this era.
We are spreading the Noble Truths of Life to people all over the world in 13 languages here. Please visit and join us.
We are spreading the Noble Truths of life to the whole world in 44 languages here, please come and visit and join together.
We are spreading the Noble Truths of life to the whole world in 138 languages here, please come and visit and join together.
วัดของฉัน [๒]
MY TEMPLE
ประวัติของคนพิเศษยิ่งคนๆหนึ่งผู้สละทั้งชีวิตเพื่อแสวงหาความจริงรอบๆ ตัวเองว่ามันคืออะไร
มองเผิน ๆ เขาคือผู้ที่แสวงหาคำตอบของชีวิตของโลกทั้งหมดมาตลอดชีวิตมาตั้งแต่เกิด
จนในที่สุดใช้เวลาถึง 73 ปีจึงได้คำตอบ เขาได้รู้แจ้งโลก ได้รู้ได้เห็นสิ่งที่แสวงหามาชั่วชีวิต
My story is the one who seeks for something all his life
and at last he wins.
He can get what he want.
What I was looking for was not a certificate to certify because
it was the ultimate truth.
สิ่งที่ผมแสวงหามาได้นั้นไม่มีใบประกาศนียบัตรใดมารับรอง
เพราะมันเป็นสัจธรรมความรู้อันสูงสุด
เอาลง 138 ภาษาโลกแล้ว
โปรดคลิกขวามือทั้งหมดนี้ก็เป็นภาษาของท่านแล้ว
อยู่มุมไหนของโลกเลือกภาษาได้เลยแค่กดปุ่ม
หนังสือพิมพ์ ดี ไม่เคยหายไปจากโลก
โปรดเข้าพบดีเล่มที่54โผล่ขอบฟ้ามาแล้ว
ประวัติของผม 16 ตอน
ดีเล่มที่55 ดีเล่มที่ 56 ดีเล่มที่57
ดีเล่มที่ 58 ออกแล้ว พลาดไม่ได้
ดีเล่มที่ 59 มาแล้วครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาเรียนรู้ประชาธิปไตยที่นี่
กับดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
โปรดคลิกติดตามต่อไป
กระทู้ 1:เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 1
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 2
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 3
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 4
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 5
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 6
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 7
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 8
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 9
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 10
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 11
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 12
V เอาลง 138 ภาษาโลกแล้ว
โปรดคลิกขวามือทั้งหมดนี้ก็เป็นภาษาของท่านแล้ว
อยู่มุมไหนของโลกเลือกภาษาได้เลยแค่กดปุ่ม
กระทู้ 2: ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 1
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 2
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 3
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 4
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 5
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 6
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 7
เอาลง 138 ภาษาโลกแล้ว